“สภาฯ” ไฟเขียว! “สมรสเท่าเทียม” 399 ต่อ 10 เสียง ลุ้น “วุฒิสภา” พิจารณาด่านสุดท้าย

“สภาผู้แทนราษฎร” มีมติเห็นชอบ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” 399 ต่อ 10 เสียง ลุ้นวุฒิสภาพิจารณาเป็นด่านสุดท้าย ก่อนส่งร่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (27 มี.ค. 67) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….  หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

โดยนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับ2560 ในมาตรา 4 ได้กล่าวถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง” ยืนยันว่าการแก้ไขไฉบับนี้เราทำเพื่อคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ กมธ. ที่ได้ตั้งขึ้นมาจาก สส.จากหลายพรรคการเมือง มีการพิจารณาภายใต้ความหวังจากภาคประชาชนที่รอคอยว่าจะต้องผลักดันกฎหมายให้เร็วที่สุด ร่างฉบับนี้มีจำนวน 68 มาตรา โดยมี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1) กมธ. เห็นว่าบทบัญญัติบางมาตราของ พ.ร.บ. มีการใช้ถ้อยคำไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมในปัจจุบัน จึงมีการปรับถ้อยคำให้เกิดความเหมาะสมเกิดความเท่าเทียมทางเพศ

2) กมธ. เห็นว่าเกณฑ์อายุขั้นต่ำในการหมั้น และการสมรส ของบุคคลควรกำหนดไว้ที่18 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้ผู้ที่จะทำการหมั้นสมรส มีอายุพ้นจากการเป็นเด็ก เพื่อสอดคล้องกฎหมายในประเทศและการคุ้มครองสิทธิเด็กฯ และเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคี

3) กมธ. ได้เพิ่มบทบัญญัติใหม่ 1 มาตรา เพื่อกำหนดให้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่งใดๆ ให้ถือว่าอ้างถึงคู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายฉบับนี้ เพื่อลดภาระให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขกฎหมาย และบัญญัติให้หน่วยงานรัฐทบทวนกฎหมายต่าง ๆ ที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 180 วัน

อย่างไรก็ตามในกรณีที่กฎหมายฉบับใดกำหนดสิทธิ หน้าที่ สถานะทางกฎหมายหรือเรื่องอื่นใดแตกต่างกันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องยังคงต้องทบทวนกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ต่อไป

“วันนี้เราทราบดีว่าไม่ได้มีแค่เพศชาย เพศหญิงอีกต่อไป มีคนกลุ่มหนึ่งที่อาจเกิดเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เขาเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นตามสิ่งที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้นกฎหมายฉบับนี้เราต้องการคืนสิทธิให้คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่การให้สิทธิ แต่เป็นการคืนสิทธิที่เสียไป” นายดนุพร กล่าว

โดยหลังจากมีการอภิปราย พร้อมลงมติรายมาตราวาระ 2 เสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบทั้งฉบับในวาระ 3 ผลปรากฎว่า ที่ประชุม 399 ต่อ 10 เสียง ลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ. โดยมีผู้งดออกเสียง 2 คนไม่ลงคะแนน 3 คน

ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติ 393 ต่อ 3 เสียง เห็นชอบตามข้อสังเกตของ กมธ. โดยมีผู้งดออกเสียง 1 เสียงและไม่ลงคะแนน 4 เสียง

ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการพิจารณาในส่วนของวุฒิสภา ซึ่งจะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบในด่านสุดท้ายก่อนส่งร่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

Back to top button