เปิด 20 อันดับหุ้นถูก “Cover&Short” สูงสุด ณ 11 เม.ย.67

ข้อมูลสิ้นสุด 11 เม.ย.67 BTS มีปริมาณชอร์ตคงค้างเหลือมากสุด คิดเป็น 3.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขณะที่ TTB มีมูลค่าการปิดสถานะชอร์ตด้วยการซื้อคืนสูงสุดจำนวน 106.33 ล้านบาท หรือ 58.10 ล้านหุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่ยังคงสถานะการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (Outstanding Short Positions) ณ วันที่ 11 เม.ย.67 พบว่ามีหลักทรัพย์ที่ยังคงสถานะการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน จำนวนทั้งหมด 420 หลักทรัพย์ โดยหุ้นที่คงสถานะขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย

1.บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนรวมกระดาน NVDR จำนวน 483,140,298 หุ้น ถูก Short Sell เพิ่ม 3,499,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.67%

2.บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนรวมกระดาน NVDR จำนวน 27,156,900 หุ้น ถูก Short Sell เพิ่ม 513,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.07%

3.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนรวมกระดาน NVDR จำนวน 326,214,000 หุ้น ถูก Short Sell เพิ่ม 8,197,200 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน 2.73%

4.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนรวมกระดาน NVDR จำนวน 224,928,879 หุ้น ถูก Short Sell เพิ่ม 196,200 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.25%

5.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนรวมกระดาน NVDR จำนวน 15,339,395 หุ้น ถูก Short Sell เพิ่ม 389,800 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.92%

ส่วนอันดับที่ 6 ถึง 20 สามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางประกอบ

ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่ม SET50 พบหลักทรัพย์ที่ถูก Cover Short จำนวน 12 หลักทรัพย์ โดย 5 อันดับแรกได้แก่

1.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ถูก Cover Short จำนวน 58,105,900 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 106,333,797 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 1.83 บาท

2.บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ถูก Cover Short จำนวน 1,692,100 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 54,570,225 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 32.25 บาท

3.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ถูก Cover Short จำนวน 2,534,100 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 46,880,850 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 18.50 บาท

4.บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ถูก Cover Short จำนวน 109,500 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 24,856,500 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 227.00 บาท

5.บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ถูก Cover Short จำนวน 5,347,300 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 23,848,958 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 4.46 บาท

ส่วนอันดับที่ 6 ถึง 12 สามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางประกอบ

ขณะเดียวกัน พบหลักทรัพย์กลุ่ม SET50 ที่ยังถูก Short Sell จำนวน 38 หลักทรัพย์ โดย 5 อันดับแรกได้แก่

1.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ถูก Short Sell จำนวน 2,678,400 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 152,668,800 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 57.00 บาท

2.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ถูก Short Sell จำนวน 2,167,900 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 144,707,325 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 66.75 บาท

3.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ถูก Short Sell จำนวน 693,200 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 140,026,400 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 202.00 บาท

4.บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ถูก Short Sell จำนวน 2,911,100 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 119,355,100 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 41.00 บาท

5.บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ถูก Short Sell จำนวน 2,682,500 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 118,030,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ระดับ 44.00 บาท

ส่วนอันดับที่ 6 ถึง 38 สามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางประกอบ

*หมายเหตุ

  • ไม่รวมรายการขายชอร์ตของสมาชิกที่เป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนหรือผู้ดูแลสภาพคล่องของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟเพื่อบัญชีบริษัทประเภทเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาหรือเพื่อดูแลสภาพคล่อง แล้วแต่กรณี
  • รายการที่ชื่อย่อหลักทรัพย์ต่อด้วย “-R” หมายถึงข้อมูลธุรกรรมขายชอร์ตในเอ็นวีดีอาร์
  • หลักทรัพย์ที่ไม่ใช่หุ้นสามัญจะใช้จำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนกับ ตลท. แทนจำนวนหุ้นชำระแล้ว

Back to top button