
ปิดเวที WEF! นายกฯ ปลื้มภาพลักษณ์ไทยเป็นที่รู้จักเวทีโลก เปิดโอกาสลงทุน “เมกะเทรนด์”
ปิดฉากการประชุม WEF ดาวอส ประเทศไทยได้อะไรมากกว่าที่คิดจาก 20 ประชุมตลอด 3 วัน พบ “ผู้นำประเทศ-บิ๊กธุรกิจ” ระดับโลก เปิดสปอร์ตไลท์ส่องการลงทุนมาที่ไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ม.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 : WEF AM25 ประจำปี ณ กรุงดาวอส สมาพันธรัฐสวิส (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากที่ได้มาพร้อม “ทีมไทยแลนด์” ชุดใหญ่ ประกอบด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี), นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้แทนการค้าไทย, นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งการประชุมเพียง 3 วัน แต่มีการพบหารือกับคณะนักธุรกิจและผู้นำของแต่ละประเทศมากถึงกว่า 20 ภารกิจ
ประกอบด้วย การหารือกับ 11 บริษัทเอกชนชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย DP World, Nestle, Coca Cola, Bayer AG, Astra Zeneca, Salesforce, Google, Pepsi, Grap, Amazon Web Services และ SUNTORY Holding Co,. Ltd. ซึ่งได้รับการตอบรับสนใจลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างดี เชื่อว่าหลายบริษัทที่เคยลงทุนในประเทศไทยอยู่ แล้วจะลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่วนบริษัทใหม่ ๆ ก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นในเร็ววันนี้
นอกจากนี้ในระดับประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้นำประเทศและหัวหน้ารัฐบาล ได้แก่ นางคาริน เคลเลอร์-ซุทเทอร์ ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส, นายนีคอล พาชีเนียน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอาร์เมเนีย, นายอัลบิน คูร์ตี นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐคอซอวอ, ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนูส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ รวมถึงศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นที่รู้จักกับนานาอารยะประเทศมากขึ้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทั้งระดับภูมิภาคและประเทศมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องสำคัญที่สุดอันถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการค้าของไทยกับประเทศในสหภาพยุโรปที่ประเทศไทยได้ลงนามความตกลง FTA “ไทย-เอฟตา (EFTA)” กับ 4 ประเทศในยุโรปเป็นครั้งแรก ทำให้เป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทยที่จะเข้าไปจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปมากขึ้น
นางสาวแพทองธาร กล่าวย้ำว่า การมาประชุมครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมาก ที่ได้มีโอกาสสื่อสารถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยและสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านความมั่นคงด้านอาหาร รวมทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี พัฒนาคน ปรับกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมอีกด้วย อีกทั้งยังได้โปรโมทซอฟต์พาวเวอร์ (Soft power) ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม อาหารที่มาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย จนกลายเป็นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าในปัจจุบัน เช่น มวยไทย อาหารไทย ผ้าไทย เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างประเทศ โดยรัฐบาลจะส่งเสริมให้เป็นเครื่องจักรใหม่ (engine force) ในการสร้างเม็ดเงินและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ
“มาครั้งนี้ทีมไทยแลนด์ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกจับตามองและยังเป็นการติดตามเทรนด์โลกยุคใหม่ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้นำและบุคคลสำคัญ ๆ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังทำ เช่น การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI การแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเตรียมเด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทยให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอีกด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำที่นางสาวแพทองธาร พบในวันที่ 23 ม.ค.68 ตามเวลาท้องถิ่น ได้แก่ นาย Matt Garman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Amazon Web Services หรือ AWS

โดยในการหารือของทั้ง 2 ฝ่าย นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทของบริษัท AWS ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ “เศรษฐกิจดิจิทัล” ของประเทศไทย และการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับคนไทย พร้อมขอบคุณที่ได้ลงทุนสร้าง Data Center ในไทย เป็น AWS Asia Pacific (Thailand) Region ซึ่งหลายนโยบายสำคัญของไทยอยู่บนฐานการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเทคโนโลยี และ AI อาทิ การพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”, โครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) รวมถึงการส่งเสริม “e Government” เพื่อลดการใช้กระดาษ
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AWS กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย สำหรับการสนับสนุนการลงทุนของบริษัทฯ ในไทยมาโดยตลอดและมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทย โดยบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เพื่อเพิ่มพูนทักษะ (Upskill) ด้านดิจิทัล และ AI ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะแรงงานในระดับประเทศ พร้อมชื่นชมประเทศไทยว่ามีสภาพแวดล้อม (Eco System) ที่เอื้อต่อการลงทุนและเชี่อว่าการลงทุนด้านคลาวด์ดิจิทัล และ AI จากภาครัฐของไทยและเอกชนต่างประเทศในขณะนี้จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้เกิดการเข้าลงทุนเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ด้วย
วันเดียวกัน นางสาวแพทองธาร พบหารือกับนายทาเคชิ นีนามิ (Mr.Takeshi Niinami) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท SUNTORY Holding Co,. Ltd.

โดยนายทาเคชิ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับประเทศไทยและประสงค์จะลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการผลิตขวดพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งประเด็นนี้เป็นปัจจัยที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างมาก
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนต่อการลงทุนของภาคเอกชน และรัฐบาลยังดำเนินมาตรการ ภายใต้นโยบาย “Ease of doing business” ที่จะลดขั้นตอนความยุ่งยากและซับซ้อนในการลงทุนของนักลงทุน เพื่อให้ความมั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนในประเทศไทยมีความพร้อมและรัฐบาลมีนโยบายให้การสนับสนุนนักลงทุนในทุกมิติ