
“แพทองธาร” ย้ำไทยพร้อมรับมือ “ภาษีทรัมป์” ผนึก “อาเซียน” ขยายธุรกิจ ตปท.
นายกแพทองธาร ชินวัตร เผยแผนรับมือกำแพงภาษีสหรัฐฯ พร้อมเจรจาภาครัฐ-เอกชนและพันธมิตรอาเซียน สร้างโอกาสขยายธุรกิจไทยในต่างประเทศ เสริมความมั่นใจนักลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ว่ารัฐบาลกำลังเตรียมแผนรับมือกับประเด็นการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้น โดยเริ่มหารือกับทีมผู้เชี่ยวชาญและนักกฎหมายตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมแผนรับมือทั้งในเรื่องของภาษีและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าระหว่างสองประเทศ
สำหรับการเตรียมการนี้รวมถึงการตรวจสอบภาษีที่สหรัฐฯ เก็บจากไทย ซึ่งบางกรณีสูงกว่าที่เก็บจากประเทศอื่นๆ โดยรัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะเจรจาและปรับนโยบายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการไทยสามารถขยายธุรกิจได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ รัฐบาลยังเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถขยายธุรกิจจากการลงทุนที่มีอยู่แล้วในสหรัฐฯ เช่น การสร้างโรงงานในอุตสาหกรรมปลากระป๋อง
นอกจากนี้ยังมีการหารือร่วมกับประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซียและกัมพูชา เพื่อสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยอาเซียนมีศักยภาพในการใช้ทรัพยากรทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์ รวมถึงประชากรกว่า 600 ล้านคน ซึ่งเป็นพลังที่สำคัญในการเพิ่มอำนาจต่อรอง
ในส่วนของการประเมินจากมูดีส์ (Moody’s) นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า การปรับมุมมองทางเศรษฐกิจ (Outlook) ของประเทศไทยไม่ได้หมายถึงการลดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน แต่เป็นการแสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงดำเนินการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป และได้มีการลงทุนในหลายภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และการเข้ามาของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ลงทุนทั่วโลกยังคงมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต