“กลุ่มกัลฟ์” ฟันกำไรไตรมาส 1 แตะ 1.6 หมื่นล้าน GULF โตเด่น 54%

เปิดงบกลุ่ม “กัลฟ์” กวาดกำไรไตรมาส 1/68 แตะ 1.6 หมื่นล้านบาท ชู GULF เด่นสุดกำไร 5.3 พัน โต 54% รับธุรกิจพลังงาน และส่วนแบ่งอินทัชหนุน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รายงานการรวบรวมผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2568 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “กัลฟ์”ภายหลังจากการควบรวมกิจการกับ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้โครงสร้างกลุ่มบริษัทภายใต้ GULF เหลือเพียง 3 บริษัทหลัก ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM

ทั้งนี้ เมื่อรวมผลกำไรสุทธิของทั้งสามบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2568 พบว่ามีกำไรสุทธิรวมกันทั้งสิ้น 16,097.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.54% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,237.21 ล้านบาท โดยรายละเอียดของผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัทอยู่ในตารางประกอบ ดังนี้

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 5,394.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,498.53 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) อยู่ที่ 5,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จาก 4,152 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม (total revenue) อยู่ที่ 32,343 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยไตรมาส 1/2568 เป็นไตรมาสแรกที่บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสครบทั้ง 4 หน่วย (2,650 เมกะวัตต์) ของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD ซึ่งทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2567

อีกทั้งบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนใน INTUCH จำนวน 1,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 1,575 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ ARPU ซึ่งมุ่งเน้นจำหน่ายแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้น การส่งเสริมการใช้งานเครือข่าย 5G  ประกอบกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกอง (HKP) ซึ่งได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 2 หน่วย (1,540 เมกะวัตต์) โดยหน่วยที่ 2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเป็นที่เรียบร้อยในเดือนมกราคม 2568

อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ เริ่มรับรู้ผลกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ในประเทศ จำนวน 5 โครงการ (532 เมกะวัตต์) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2567 โดยบริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากโครงการดังกล่าวจำนวน 206 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul จำนวน 226 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้น 147% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเร็วลมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 4.8 เมตร/วินาที ในไตรมาส 1/2567 เป็น 6.6 เมตร/วินาที ในไตรมาสนี้

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 โดยมีรายได้รวม 56,311 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8,451 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และการส่งมอบบริการดิจิทัลที่หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น Cognitive Tech-Co หรือองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ

ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีจำนวนผู้ใช้งานรวม 45.7 ล้านเลขหมาย โดยเฉพาะบริการ 5G ซึ่งยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 708,500 เลขหมายจากไตรมาสก่อนหน้า รวมเป็น 12.7 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 95% ของประชากรไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำโครงข่ายอัจฉริยะ

ขณะที่ธุรกิจบรอดแบนด์ AIS และ 3BB FIBRE มีผู้ใช้บริการรวม 5.1 ล้านราย เพิ่มขึ้น 59,700 รายในไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมรุกตลาดด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและนวัตกรรม Smart Home ผ่านอุปกรณ์ IoT อย่าง Smart Sound Bar และ IP Cloud Camera

สำหรับธุรกิจลูกค้าองค์กร AIS รายงานการเติบโตของรายได้ในไตรมาสนี้ถึง 12% โดยมีแผนขยายการให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์และ AI อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เช่น Oracle Cloud และศูนย์ข้อมูล GSA Data Center ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการภายในครึ่งปีแรกนี้

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก รวมถึงบริษัทที่มีรายได้หลักจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และดำเนินมาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่การบริหารความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ในไตรมาสเดียวกัน บริษัทมีรายได้อื่นรวม 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 ซึ่งมีรายได้อื่นติดลบ 36 ล้านบาท และไตรมาส 1/2567 ซึ่งมีรายได้อื่นเพียง 2 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทบันทึกกำไรจากการตัดจำหน่าย เจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอาคารและอุปกรณ์เป็นจำนวน 235 ล้านบาท

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า (20 ล้านบาท) และเพิ่มขึ้นถึง 132 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนของประสิทธิภาพการดำเนินงาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจดาวเทียมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 180 ล้านบาท หากไม่รวมส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดาวเทียมและขาดทุนจากธุรกิจโทรคมนาคม กำไรดังกล่าวสูงกว่ากำไรปกติ 36 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 111 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักในการสร้างรายได้และทำกำไรท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายนอก

Back to top button