“ดาวโจนส์” ปิดลบ 119 จุด นักลงทุนจับตา “ทรัมป์” เจรจาการค้า “จีน”

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 119 จุด นักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนการเจรจาการค้ากับจีนที่สวิตเซอร์แลนด์สุดสัปดาห์นี้


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568 ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความเห็นเกี่ยวกับอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนก่อนการเจรจาการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่มีกำหนดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,249.38 จุด ลดลง 119.07 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,659.91 จุด ลดลง 4.03 จุด หรือ -0.07% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.78 จุด หรือ +0.004% ปิดที่ 17,928.92 จุด อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 0.16% ดัชนี S&P500 ลดลง 0.47% และ Nasdaq ลดลง 0.27%

ทรัมป์ ระบุว่า จีนควรเปิดตลาดให้แก่สหรัฐฯ และกล่าวว่าการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 80% นั้น “ดูเหมาะสม” โดยชี้ว่าเป็นข้อเสนอเฉพาะเจาะจงครั้งแรกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีจากระดับปัจจุบันที่อยู่ที่ 145% ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในตลาด

ทั้งนี้ แม้นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่าการหารือระหว่างตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ และจีนในสุดสัปดาห์นี้จะเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่ทรัมป์ยืนยันว่าอาจมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ท่ามกลางความคาดหวังว่าอาจนำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดด้านภาษีที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนอย่างมากตั้งแต่การประกาศนโยบายเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนียังสามารถฟื้นตัวกลับมาใกล้ระดับก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทในดัชนี S&P500 จำนวน 450 แห่งที่รายงานผลประกอบการ ณ เช้าวันศุกร์ พบว่า 76% รายงานกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้บางบริษัทจะมีการปรับลดหรือถอนคาดการณ์จากความไม่แน่นอนทางการค้า

หุ้นเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ร่วงลง 7.3% หลังรายงานรายได้ไตรมาสต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้น 1.1% จากแรงหนุนของราคาน้ำมัน และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวดีที่สุดในวันศุกร์ ส่วนกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 1.1% และเป็นกลุ่มที่อ่อนตัวมากที่สุด

อีกด้านหนึ่ง นักลงทุนยังตอบรับเชิงบวกต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อตกลงแรกนับตั้งแต่สหรัฐฯ ประกาศระงับการเก็บภาษีชั่วคราว 90 วัน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอังกฤษในอัตราพื้นฐาน 10%

ทั้งนี้ ในส่วนของการเจรจาการค้ากับประเทศอื่น สื่อต่างประเทศรายงานว่า อินเดียได้เสนอปรับลดส่วนต่างของภาษีนำเข้าลงเหลือต่ำกว่า 4% จากระดับเดิมที่เกือบ 13% เพื่อแลกกับการยกเว้นภาษีจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่เฟดจำนวนหนึ่งแสดงความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่เตือนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่อาจกระทบการเติบโตในระยะต่อไป

Back to top button