
“ชัยยศ” แนะเก็งกำไรธีม “Global Play” รับเทรดวอร์ผ่อนคลาย ชู PTTEP-AMATA เด่น
“ชัยยศ” ประเมินดัชนีหุ้นไทยมีแรงรีบาวด์ รับเทรดวอร์จีน-สหรัฐผ่อนคลาย พ่วงกระแสเงินทุน Thai ESGX โบรกฯชี้กลุ่ม Global Play เด่นต่อ แนะเก็งกำไร PTTEP-AMATA ลุ้นอานิสงส์ดีมานด์-ย้ายฐานการผลิต ขณะหุ้นเครื่องดื่ม-อสังหาฯยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะ
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้แม้จะปรับตัวขึ้น แต่เป็นการบวกในระดับที่น้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งโดยเฉลี่ยปรับตัวขึ้นราว 2-3% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดในเชิงบวกใกล้ระดับ 1.5% ก่อนเผชิญแรงขายทำกำไรจนทำให้ดัชนีอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตามปัจจัยสนับสนุนหลักยังอยู่ที่ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่สหรัฐฯ ได้พูดคุยกับประเทศขนาดใหญ่อย่างญี่ปุ่น อังกฤษ จีน และซาอุดีอาระเบียไปแล้ว ล่าสุดมีแผนเดินหน้าพูดคุยกับประเทศขนาดเล็ก เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการผ่อนคลายของสงครามการค้า (Trade War) ที่ยังไม่หมดไป และยังเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาค
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศแม้ประเด็นทางการเมือง เช่น การสอบสวนโดย กกต. และ DSI รวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ และไทม์ไลน์ พ.ร.บ. งบประมาณ จะก่อให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุน แต่ยังไม่ใช่ปัจจัยที่ถึงขั้นวิกฤต และยังสามารถหาทางออกร่วมกันได้ จึงมองว่าเป็นเพียง “Overhang” หรือปัจจัยถ่วงชั่วคราวที่นักลงทุนยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ในระยะสั้น KSS ให้น้ำหนักกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะประเด็นการผ่อนคลายของสงครามการค้า และกระแสเงินทุนจากกองทุน Thai ESGX ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามาภายใน 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย
ขณะเดียวกัน นายชัยยศยังให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำกล่าวของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ที่ชื่นชมข้อเสนอจากไทยว่าเป็น “ข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมาก” ซึ่งหากเกิดการเจรจาและได้ข้อสรุปที่ชัดเจน มีโอกาสที่ไทยจะได้รับการผ่อนปรนด้านภาษีนำเข้า อันจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะถัดไป
ด้านกลยุทธ์การลงทุน นายชัยยศแนะนำให้ “สลับธีม” จากหุ้นกลุ่ม Domestic Play ไปยังกลุ่ม Global Play ซึ่งได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความกังวลด้านสงครามการค้าที่ลดลง โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตดีในช่วงนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์, และนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งปรับตัวขึ้นเด่นในวันก่อนหน้า
หุ้นเด่นในกลุ่ม Global Play ที่น่าสนใจ ได้แก่
PTTEP ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความคาดหวังการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น หากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่สามารถตกลงกันได้ ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 128 บาท แม้กำไรไตรมาส 2 อาจไม่โดดเด่น แต่คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง
AMATA รายงานกำไรไตรมาส 1/2568 ที่ระดับ 800 ล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสการย้ายฐานการผลิตที่ยังดำเนินอยู่ต่อเนื่อง ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 33.50 บาท
สำหรับหุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม เช่น COCOCO และ PLUS ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ออกมาต่ำกว่าคาดและราคาปรับตัวลง สะท้อนแรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ฤดูกาล (การบริโภคน้อยลงในฤดูหนาว) และการสต็อกสินค้าล่วงหน้าของผู้นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราวมากกว่าจะเป็นแนวโน้มระยะยาว
ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นายชัยยศประเมินว่ายังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เนื่องจากกำลังซื้อประชาชนชะลอตัวและภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่แข็งแรงพอ จึงให้น้ำหนัก “เป็นกลาง” หรือรอดูจังหวะการลงทุนอีกครั้งหลังแนวโน้ม GDP ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันการคาดการณ์ GDP ที่เคยตั้งไว้ที่ 3% ก็มีแนวโน้มไม่ถึงเป้า
โดยสรุป ภาพรวมตลาดยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ทั้งความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และเม็ดเงินทุนต่างประเทศที่จะเริ่มทยอยเข้ามาในระยะกลาง ขณะที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศแม้ยังเป็นประเด็น แต่ยังไม่รุนแรงพอที่จะส่งผลลบอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงควรติดตามหุ้นในธีม Global Play เป็นหลักในช่วงนี้