
DDD กำไรไตรมาส 1 แตะ 16 ล้านบาท กางแผนปี 68 เพิ่มแบรนด์ชั้นนำหนุนยอดขาย
DDD รายงานรายได้จากการขายไตรมาส 1 แตะ 319 ล้านบาท หนุนกำไรแตะ 16 ล้านบาท กางแผนปี 68 เพิ่มแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ หนุนยอดขายโตเด่น
บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE’CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, MAKAVELIC, EMJOI, @HOME, และแบรนด์ใหม่ล่าสุด VALERA, และ ELCHIM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 319.12 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีรายได้ลดลงร้อยละ 28.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงของรายได้จากการขายต่างประเทศร้อยละ 57.78 เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจากบริษัทร่วมทุน (Joint venture) เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Authorized distributor) ในบางประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้รายได้จากการขาย จากเดิมรับรู้รายได้จากยอดขายจากลูกค้า (End customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale price)
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 10.14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตลาดช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
สำหรับรายได้จากส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีรายได้ลดลงจากงวดก่อน โดยมีสัดส่วนลดลงร้อยละ 4.45 เนื่องจากปัจจุบัน มีคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่ต้นทุนขายรวมไตรมาส 1/2568 มีมูลค่า 131.88 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารมีมูลค่า 180.34 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 14.15 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงในส่วนของค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ตามนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายของบริษัทฯ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและเป็นไปตามเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของบริษัทและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อสินค้าเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ (Net Profit) เท่ากับ 16.48 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.96 เมื่อเทียบกับรายได้รวม
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2568 บริษัทยังมองหาโอกาสขยายธุรกิจทุกรูปแบบจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเดิม (Organic Growth) และการเติบโตจากธุรกิจใหม่ (Inorganic Growth) ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงแผนการจับมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้เติบโต เพื่อเสนอผลิตภัฑณ์ใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านศูนย์กลางการกระจายสินค้าของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมไปถึง ร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) ช่องทางการขายแบบออนไลน์ (Online) รวมไปถึงการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ เข้ามาช่วยผลักดันและส่งเสริมรายได้ เพิ่มเติมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง