
STX โชว์กำไร Q1 โต 267% แตะ 41 ล้านบาท ปิดดีลเหมือง จ.เพชรบุรี ดันมาร์จิ้นเพิ่ม
STX โชว์ผลงานไตรมาส 1/68 โกยกำไรสุทธิ 41.12 ล้านบาท เติบโต 267% กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 110.08 ล้านบาท รุกขยายอาณาจักรเหมืองใหม่ ปิดดีลซื้อเหมืองหินปูน จ.เพชรบุรี คลังสำรองหินอีก 25 ล้านตัน รองรับการลงทุนเมกะโปรเจกต์ พร้อมรุกกลุ่มแร่โดโลไมต์ รับดีมานด์ขยายตัว ดันมาร์จิ้นเพิ่ม
นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกําไรสุทธิ 41.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.92 ล้านบาท หรือเติบโต 266.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.07% เพิ่มขึ้นจาก 21.82% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้ง สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 75.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178.34% สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวของยอดขายผลิตภัณฑ์หลัก โดยเฉพาะหินแกรนิตจากเหมืองหนองข่า ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านบาท สอดรับกับความต้องการของภาคก่อสร้างในพื้นที่ภาคตะวันออกและ EEC ที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้พิเศษจากการกลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต จำนวน 52.5 ล้านบาท จากการได้รับชำระหนี้ของลูกหนี้ค้างชำระ
โดย บริษัทฯ มีรายได้รวม 110.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.18 ล้านบาท หรือ 0.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต อยู่ที่ 47% หินปูน 40% และแร่โดโลไมต์ 20% อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากแร่โดโลไมต์ เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจากลูกค้าเดิมในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก และกระจก เป็นต้น
รวมทั้ง นโยบายภาครัฐบาลที่เตรียมผลักดันยกเลิกเตาหลอมแบบอินดักชัน (IF) ส่งผลให้ความต้องการแร่โดโลไมต์ที่ใช้ในเตาหลอมแบบอาร์คไฟฟ้า (EAF) สูงขึ้นตามไปด้วย บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนขยายโรงงาน/เพิ่มเครื่องจักรใหม่ รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ที่เข้ามา คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีนี้ เป็นอีกโอกาสสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี
นายทรงวุธ กล่าวต่อว่า แม้เศรษฐกิจที่ท้าทาย เราเห็นโอกาสจากมูลค่างานก่อสร้างไทยที่สูงหลักแสนล้านบาท และโครงการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่ยังมีต่อเนื่องในอนาคต เมื่อเทียบกับรายได้จากธุรกิจของเรา กับสเกลการลงทุนในมหภาค จะเห็นว่า บริษัทฯ ยังมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโตในฐานะผู้นำธุรกิจเหมืองหินและแร่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
รวมไปถึง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจากธุรกิจเหมืองของ บริษัทฯ อยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบแก่ บริษัทฯ เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันและหนึ่งในกลยุทธ์การขยายธุรกิจ
การลงทุนซื้อเหมืองใหม่เข้ามาสนับสนุนการเติบโต ล่าสุด STX ประสบความสำเร็จในการปิดดีลเข้าซื้อกิจการเหมืองหินปูนแห่งใหม่ใน อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งได้รับประทานบัตรแล้ว มีอายุ 29 ปี และปริมาณสำรองกว่า 25 ล้านตัน เป็นอีกก้าวสำคัญในการเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรมของ บริษัทฯ รองรับดีมานด์จากเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ สร้างโอกาสการเติบโตในระยะยาว
ทาง STX ยังเดินหน้าการเติบโตของธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในปีนี้ได้รับรางวัล Green Mining Award และการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 3 รวมถึง CSR-DPIM จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตอกย้ำมาตรฐานเหมืองแร่ที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 360.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนถึง 63.40 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการบริหารสภาพคล่อง รองรับความต้องการของประเทศที่กำลังเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในทุกภูมิภาค