
MGC แย้ม Q2 แจ่ม! รับออเดอร์รถยนต์พุ่ง-ขยาย Alpha X-เน้นคุมต้นทุน ดันรายได้ปีนี้โต 10%
MGC ส่งสัญญาณไตรมาส 2/68 โตต่อเนื่อง รับยอดคำสั่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายสินเชื่อ Alpha X อยู่ที่ราว 12,500 ล้านบาท เน้นคุมต้นทุนเข้ม ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 10%
นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC เปิดเผยในงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 55.19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 9.51 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,065 ล้านบาท ลดลง 10%
สำหรับผลการดำเนินงานแกร่ง เป็นผลมาจากส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมทางอ้อม Neo Mobility Asia ที่เริ่มส่งมอบรถยนต์ตั้งแต่ช่วง ไตรมาส 4/2567 มาจนถึงงวดปัจจุบัน และบริษัทร่วมทางตรง Howden Maxi ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของรายได้ ในหลายทีมประกันภัยที่มีลูกค้ารายใหญ่รายใหม่เข้ามาใช้บริการ
นายสัณหวุฒิ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากยอดคำสั่งซื้อรถยนต์ที่ยังคงมีอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งมอบรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ในระดับที่ดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม และยังคงรักษาการเติบโตอย่างมั่นคงได้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2568 ไว้ที่ 10% โดยให้ความสำคัญกับกำไรสุทธิ มากกว่าการเติบโตของรายได้รวม เนื่องจากปัจจัยภายนอกหลายประการ โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัดตลอดช่วงไตรมาส 2/2568 ถึงไตรมาส 4/2568 โดยจะเลือกจำหน่ายรถยนต์ที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและตอบโจทย์ตลาดเป้าหมาย
ในส่วนของแผนการลงทุนในประเทศเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสเชิงลึก โดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านภาษีและนโยบายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายการค้าของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ตลาดเวียดนามยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากโครงสร้างประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงกว่าประเทศไทย การตัดสินใจลงทุนจะเป็นไปตามผลการศึกษาและนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพอร์ต ธุรกิจสินเชื่อ (Alpha X) ต่อในช่วงปีนี้ให้เติบโตขึ้นอีก 20-25% หรืออยู่ที่ราว 12,500 ล้านบาท พร้อมกับควบคุมคุณภาพสินเชื่อ (NPLs) และรักษาอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ (NIM) ให้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม
นายสัณหวุฒิ กล่าวต่อว่า MGC Asia เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ที่เน้นความยั่งยืนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในส่วนของการขยายธุรกิจ Retail Outlet ซึ่งบริษัทได้ใช้แนวทางการลงทุนอย่างรัดกุม มีการคัดเลือกพื้นที่เปิดสาขาอย่างรอบคอบ โดยมุ่งเน้นในหัวเมืองหลักและบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ
สำหรับแบรนด์ MMS B car Service ยังเดินหน้าขยายบริการด้านซ่อมตัวถังรถยนต์ (Multiband Body Paint Repair) ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้มานาน รวมถึงการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในกลุ่มบริษัทประกันภัยชั้นนำ ตลอดจนฐานลูกค้าทั้งรายย่อยและลูกค้าองค์กร ที่ไว้วางใจในบริการหลังการขายของกลุ่มบริษัทฯ
ทั้งนี้ ยังมีการปรับโครงสร้างการจัดการสาขา โดยมีการย้ายหรือปิดสาขาที่ไม่สามารถสร้างผลกำไรหรือหมดอายุสัญญา เพื่อลดภาระต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของเครือข่ายร้านค้า
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจด้านการเงินและประกันภัยก็ยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย Alpha X ซึ่งเป็นบริษัทด้านสินเชื่อของกลุ่ม มีพอร์ตสินเชื่อรวมเกินกว่า 10,000 ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา และยังคงอยู่ในเส้นทางการเติบโตที่ดี มีแผนขยายต่อในปีนี้ พร้อมรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่ออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการบริหาร NIM (Net Interest Margin) ที่มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ภายใต้กรอบนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง SCBX ก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น ในด้านการบริหารต้นทุน มีการควบคุม OPEX และ Credit Cost อย่างใกล้ชิด รวมถึงการวาง Projection เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ
ด้านธุรกิจประกันภัยภายใต้แบรนด์ HEND ก็ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันภัยจะหดตัว โดยบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านพันธมิตร Hoen Maxi อาทิ โปรแกรมสวัสดิการพนักงาน (Welling Employee Program) ที่ขยายขอบเขตจากประกันสุขภาพไปยังสวัสดิการแบบองค์รวมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กร รวมถึงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย
ในด้านการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Loyalty) บริษัทได้ใช้ระบบ “Mobiliz” เป็นศูนย์กลางของ Loyalty Program ที่มีสมาชิกกว่า 40,000 ราย โดยมีอัตราสมาชิกที่ใช้งานจริง (Active Member) สูงถึง 75% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ถึง 100,000 รายภายในปีนี้ โปรแกรม Mobiliz ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาฐานลูกค้า สร้างความผูกพันในระยะยาว และเพิ่มอัตราการใช้บริการในกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
นายสัณหวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทาย MGC Asia ได้วางกลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการบริหารจัดการต้นทุนผ่านระบบจัดการเอกสารและฐานข้อมูล เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้าน OPEX รวมถึงการพัฒนา Customer Experience ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การนัดหมายออนไลน์, การใช้ Chatbot สื่อสารกับลูกค้า, และแบบสำรวจความพึงพอใจผ่านระบบดิจิทัล
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการปรับตัวคือการนำเทคโนโลยี AI และ Data Analytics มาใช้ในกระบวนการทำงานของทุกภาคส่วน โดยบริษัทได้เดินหน้าเข้าสู่เฟสที่ 2 ของการใช้ Business Intelligence Analytics เพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจทางธุรกิจจากข้อมูลจริง พร้อมทั้งมีการอบรมและ Up Skill บุคลากรในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานปฏิบัติการ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำคัญในการนำ AI มาช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม