SCC ส่งซิกไตรมาส 2 ฟื้น รับแผนลดต้นทุน-ราคาปูนเพิ่ม

SCC แถลงผลงานไตรมาส 1/68 พลิกกำไร 1,100 ล้านบาท จากไตรมาส 4 ขาดทุน แย้มผลงานไตรมาส 2 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามแผนลดต้นทุน รวมถึงปัจจัยบวกจากราคาปูนที่เพิ่มขึ้น และดีมานด์ที่สูงขึ้น


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 124,392 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรจากไตรมาส 4/2567 โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 11,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อนหน้า และสามารถลดภาระหนี้ลงต่อเนื่องกว่า 4,600 ล้านบาท โดยที่ยังคงถือเงินสดในมือกว่า 43,000 ล้านบาท สะท้อนสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

โดยจุดแข็งสำคัญในไตรมาสนี้มาจากการเร่งปรับโครงสร้างองค์กร การหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร การ lean process และการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยหนุนผลประกอบการให้ปรับตัวดีขึ้น แม้อุตสาหกรรมเคมีจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยไตรมาสนี้มาร์จิ้นยังอยู่ในระดับต่ำจากการเผชิญกับซัพพลายใหม่ที่ทยอยเข้าตลาด อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในไตรมาส 2 เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก โดยแก็บของผลิตภัณฑ์เคมีเพิ่มขึ้นจาก 300 ต้น ๆ เป็น 360-390 จุด

ด้าน ธุรกิจซีเมนต์ ไตรมาส 1 เป็นฤดูขาย ทำให้ยอดขายฟื้นตัวดีขึ้น และคาดว่าจะเห็นผลจากการปรับราคาปูนตั้งแต่มีนาคมชัดเจนในไตรมาส 2 ขณะที่ “ปูนคาร์บอนต่ำ Generation 3” ซึ่งบริษัทพัฒนาต่อเนื่อง จะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญในยุทธศาสตร์ลดคาร์บอน และเพิ่มโอกาสส่งออกไปตลาดยุโรปที่กำลังเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนในอนาคต

ขณะที่ ธุรกิจในเวียดนาม ซึ่งยังเผชิญแรงกดดันจากราคาตลาดและซัพพลายที่ล้นตลาด SCG ได้เร่งเดินหน้าโครงการขยายถังเก็บอีเทน พร้อมเซ็นสัญญาสั่งซื้อกับผู้ผลิตในสหรัฐและเดินหน้าก่อสร้างแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมกลับมาเดินเครื่องโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มมี cash flow เป็นบวกได้ในช่วงปี 2570 หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย

นางจันทนิดา สาริกะภูติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน SCC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงยึดแนวทางบริหารการเงินอย่างรัดกุม ลด working capital ลงเหลือ 87,000 ล้านบาท พร้อมควบคุมการลงทุนอย่างเข้มงวด โดยในไตรมาสแรกใช้เงินลงทุนเพียง 6,100 ล้านบาท จากกรอบทั้งปีที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท เน้นลงทุนเฉพาะโครงการที่ให้ผลตอบแทนเร็วและเป็นยุทธศาสตร์

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวเข้าสู่ Green Economy โดยเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ตามแผนสู่เป้า 2573 และเตรียมแผนต่อเนื่องถึงปี 2583 พร้อมเปิดบ้านถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้าน ESG แก่ SME และคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรับมือกับ “สึนามิเศรษฐกิจ”

สำหรับแนวโน้มทั้งปี 2568 บริษัทประเมินว่าภาพรวมจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะไตรมาส 2 ที่จะได้แรงหนุนจากราคาปูนที่ปรับขึ้น, มาร์จิ้นเคมีที่ดีขึ้น และผลจากมาตรการลดต้นทุนที่จะเริ่มสะท้อนเต็มที่ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเน้นความระมัดระวังสูงต่อสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และเศรษฐกิจอาเซียนที่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อม

Company Snapshot

Back to top button