TMAN มั่นใจ Q2 สดใส ลุยเปิดสินค้าใหม่–ขยาย OEM ดัน Propoliz สู่ Global Brand

TMAN มั่นใจไตรมาส 2/68 สดใส รับฤดูฝน–โควิดระลอกใหม่ พร้อมปักหมุดปี 68 เติบโตทุกมิติ ลุยเปิดสินค้าใหม่ 18 ตัว บุกโรงพยาบาล–ตลาดความงาม–ต่างประเทศ-ลูกค้า OEM ศักยภาพสูงปูทางเติบโตระยะยาว พ่วงวางเป้า 5 ปี (68-72) ดัน “Propoliz” สู่ Global Brand


นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN เปิดเผยในงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 122 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 594.2 ล้านบาท เติบโต 1.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและการเติบโตของผลิตภัณฑ์ใหม่

โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯประมาณ 96.5% นอกจากนั้นมาจาก OEM และ Distribution Unit สัดส่วน 3.5% ขณะที่สัดส่วนรายได้ตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาอยู่ที่ประมาณ 60% และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพประมาณ 40%

สำหรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตในทุกทิศทาง ตามแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/68 ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ไปแล้ว 5 ตัว (โดยมี  Propoliz Plus, Monlakast, Fudic cream) โดยบริษัทตั้งเป้าเปิดตัวไม่ต่ำกว่า 18 ตัว

อีกทั้งมีการขยายช่องทางโรงพยาบาลโดยการเพิ่มทีมที่โฟกัสโรงพยาบาลมากขึ้น, พัฒนายาที่ตรงกับความต้องการและการใช้จ่ายของโรงพยาบาล (เช่น ยาคุณภาพ), และการเพิ่มกำลังการผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของโรงพยาบาล บริษัทคาดหวังว่าช่องทางโรงพยาบาลจะเป็นหนึ่งในช่องทางหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต โดยบริษัทมีการไต่ลำดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 29 จากข้อมูล Activate Data

อีกทั้งมีการเจาะตลาดคลินิกความงามมากขึ้น มีการเพิ่มจำนวนคลินิกที่เป็นลูกค้าถึง 66 แห่งในไตรมาส 1/68 และมีแผนเพิ่มสินค้ากลุ่มเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับความงาม

นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมในอนาคตและกำลังเจรจา ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลี เวียดนาม ไต้หวัน ซึ่งอาจเห็นการเปิดตลาดปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังมีการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าในดูไบ UAE และซาอุดีอาระเบีย

อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าการเติบโตจาก OEM และ Distribution Unit เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยกลยุทธ์ OEM มุ่งเน้นหาลูกค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง หรือเป็น Partner กับบริษัทในอนาคต ปัจจุบันมีลูกค้าในแผนจำนวนมากที่คาดว่าจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง

ส่วน Distribution Channel ได้มีการตั้งทีม DBU ขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และมีการขยายทีมอย่างชัดเจน ทั้ง OEM และ Distribution Unit คาดว่าจะเป็นตัวที่ช่วยผลักดันรายได้ในครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีข้างหน้า(68-72) คือ การเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี และตั้งเป้าเป็น Top 5 ในตลาด OTC (Over-The-Counter) และ Top 10 ในตลาดโรงพยาบาล โดยบริษัทมีการไต่ลำดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 29 จากข้อมูล Activate Data และขยับขึ้นมาเกือบ 5 อันดับในช่วง 1-2 ไตรมาสที่ผ่านมา

โดยเป้าหมายสูงสุดคือต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค (Regional Brand) พร้อมรุกขยายแบรนด์ “Populist” สู่ระดับ Regional Brand และ Global Brand ภายใน 5 ปี

ในด้านภาพรวมอุตสาหกรรม บริษัทมองว่าเทรนด์สุขภาพจะยังเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society), ความตื่นตัวในกลุ่มโรค NCD, นโยบายภาครัฐ และความนิยมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร-อาหารเสริม ที่สะท้อนผ่านช่องทางการจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2568 บริษัทมั่นใจยอดขายจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มยาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่ได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 ระลอกใหม่และฤดูฝน พร้อมยืนยันเหตุการณ์เพลิงไหม้ไม่มีผลกระทบต่อกำไร และอยู่ระหว่างการประเมินค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัย

“แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศบ้าง แต่ด้วยลักษณะธุรกิจที่เป็นปัจจัยสี่ การกระจายความเสี่ยง และกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจนในหลายมิติ ทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ ช่องทางโรงพยาบาล คลินิกความงาม ตลาดต่างประเทศ OEM/Distribution และการบริหารจัดการต้นทุนและกำลังการผลิต คาดว่าจะยังคงสนับสนุนการเติบโตและรักษาผลประกอบการที่ดีได้อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้” นายประพล กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button