
“ทองนิวยอร์ก” ร่วง 2% คลายกังวลหลัง “ทรัมป์” เลื่อนเก็บภาษี EU – ดอลลาร์แข็งกดดัน
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กร่วงกว่า 65 ดอลลาร์ รับแรงขายจากนักลงทุนหลังสหรัฐฯ เลื่อนกำหนดเก็บภาษี EU ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์แข็ง หนุนลดถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในวันอังคารที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากแรงเทขายของนักลงทุนที่ลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% ต่อสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) ออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม จากกำหนดเดิมในวันที่ 1 มิถุนายน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการตอบรับคำขอของเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งได้โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยตรง
ทรัมป์ระบุผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า “ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ซึ่งขอให้เราขยายเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มิถุนายน และผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่นนั้น”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนลดความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้า และหันกลับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่แรงกดดันต่อราคาทองคำยังมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งวัดความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.51% มาอยู่ที่ระดับ 99.521 ส่งผลให้ทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีต้นทุนแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดตลาดลดลง 65.40 ดอลลาร์ หรือ 1.94% มาอยู่ที่ระดับ 3,300.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประจำวันที่ 6-7 พฤษภาคม รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรก (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเมษายน ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ