
เปิดโผ 13 บจ. mai โชว์งบ Q1/68 “เทิร์นอะราวด์” BC-CMO-24CS นำทีมเด่น
เปิด 13 รายชื่อ บจ. mai โชว์ฟอร์มแกร่ง ไตรมาส 1/68 “เทิร์นอะราวด์” หลังโกยรายได้ทะลัก พ่วงบริหารต้นทุนดีเยี่ยม BC,CMO,24CS,ADB,JSP นำทีมพลิกกำไรโดดเด่น พร้อมจับตาปีนี้ผลงานโตต่อเนื่อง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้มีการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2568) พบว่า มีจำนวน 13 บริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ หรือ “เทิร์นอะราวด์” เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ สะท้อนภาพการฟื้นตัวทางธุรกิจและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้บริษัทที่มีผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ ได้แก่ BC, CMO, 24CS, ADB, JSP, NPK, TM, FLOYD, BLESS, LIT, WELL, STC และ HYDRO โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้สามารถกลับมามีกำไร ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ การควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด และในบางกรณีมีรายการพิเศษบันทึกเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการ โดยจะนำเสนอข้อมูลและตัวอย่างบริษัทที่พลิกมีกำไรโดดเด่นเพื่อประกอบเป็นข้อมูลลงทุนดังนี้
บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 42.92 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 25.14 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนร้อยละ 100 ในโครงการซัมเมอร์ ฟ้อยท์ หรือ บริษัท บูทิศ พระโขนง ทรี จำกัด
(“BPKN3”) ซึ่งเป็นไปตามโมเดลธุรกิจ สร้าง-ดำเนินงาน-ขาย ของกลุ่มบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโทเคนดิจิหัลที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งสามารถระดมทุนได้จำนวน 450 ล้านบาทจากธุรกรรมดังกล่าว กลุ่มบริษัทรับรู้กำไรจำานวน 213.6 ล้านบาทในงบการเงินรวม ทั้งนี้ โทเคนดิจิหัลชื่อ “SUMX” ได้จดทะเบียนและเปิดซื้อขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Bitkub Exchange รวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและมาตกรารบริหารต้นทุน
บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 39.98 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 48.01 ล้านบาท รับอานิสงส์อุตสาหกรรมอีเวนต์สดใส บวกกับบริหารกลยุทธ์การเงิน ควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท
ด้านนายมงคล ศีลธรรมพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ CMO เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาสแรกแรกของปี 68 บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นจากธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมไปถึงมีรายได้จากธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียงครบวงจร เติบโตเพิ่มขึ้น 101% และรายได้จากธุรกิจการติดตั้งระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นสำหรับการจัดงานอีเวนต์ ซึ่งกลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 293% เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“บริษัทฯ พลิกกลับมามีกำไรในช่วงไตรมาส 1 เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ผลประกอบการในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของทีมงานในการปรับตัวท่ามกลางความท้าทาย เราเน้นการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น พร้อมกับเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก ทั้งด้านการขาย การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ การเติบโตยังสะท้อนให้เห็นภาพรวมของธุรกิจอีเวนต์ในปี 68 ว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในส่วนของตลาดอีเวนต์ คาดการณ์ว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะยังผันผวน แต่ภาครัฐและเอกชนยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรมอีเวนต์ โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดอีเวนต์อยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมในกลุ่มงานคอนเสิร์ต ที่เชื่อว่ามีการเติบโตที่ดีเช่นกัน เห็นได้จากปริมาณงานคอนเสิร์ตทีมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลากหลายรูปแบบมีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่อย่างเฟสติวัล ซึ่งก็จะส่งผลดีให้ธุรกิจในกลุ่มซัพพลายอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียงเติบโตตามไปด้วย” นายมงคล กล่าว
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีสัญญาณการเติบโตดีต่อเนื่องจากภาวะตลาดที่ยังมีการเติบโต บริษัทฯ ยังคงมีงานรันต่อเนื่องทั้งระบบ ทั้งในกลุ่มงานอีเวนต์ และกลุ่มซัพพลายอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียง โดยมีงานที่น่าสนใจ อาทิ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Luxury Brand, งานดูแลจัดทำพาวิลเลียนในงาน Money Expo 2025, งาน Thaifex 2025, งาน SET in the City 2025, งานประชุมสัมมนา เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 68 ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท โดยคาดหวังปีนี้พลิกกลับมามีกำไร
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ควบคู่ไปกับการบริหารกลยุทธ์ทางการเงิน เพื่อเป้าหมายที่จะรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเวนต์ เอเจนซี่ อันดับ 1 ของ ประเทศ ทั้งในแง่ของการเป็นผู้บริหารการจัดงาน และในกลุ่มของงานด้านบริการระบบ ภาพ แสงและเสียงแบบครบวงจร พร้อมเดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงพัฒนาบริการด้านเทคโนโลยีสำหรับงานอีเวนต์และมาร์เก็ตติ้งให้ทันต่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
บริษัท ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ 24CS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 31.09 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 32.41 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการก่อสร้างและการบริการจํานวน 72.59 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567จํานวน 54.17 ล้านบาท ซึ่งมีเหตุผลสําคัญมาจากงานก่อสร้างที่ทํางานและส่งมอบงาน เช่น โครงการปรับปรุงโรงแรมมาริออท พัทยา และโครงการก่อสร้างห้องเย็น โรงงานมะพร้าว-ทุเรียน
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าจํานวน 198.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567 จํานวน 175.15 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มบริษัทเข้าซื้อธุรกิจทําให้มีรายได้จากกลุ่มบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 164.98 ล้านบาท โดยหลักมาจากยอดขายจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ของ กลุ่ม บริษัท ด็อกเตอร์เจล จํากัด ที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 และได้รับกระแสตอบรับที่ดีทําให้มี ยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 10.87 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 4.12 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาต้นทุนพลังงานที่ยังทรงตัวในขณะที่บริมาณการผลผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/ 2568 เนื่องจากราคาเรซิ่นและสารเติมแต่ง Plasticizer ซึ่งเป็นวัตดิบที่เป็นต้นทุนหลักของธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวต์ปรับตัวลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงดียวกันของปีก่อน และทำให้บริษัทฯและบริษัทย่อยจากธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ
5.32 ล้านบาทก่อนกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม นอกจากนั้นบริษัทฯยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ADBS) ที่ไซวิธีส่วนได้เสีย สำหรับไตรมาส 1/2568 อีกจำนวน 5.55 ล้านบาท จึงส่งผลให้ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 10.87 ล้านบาท
บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 7.49 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2.47 ล้านบาท
โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมเพิ่มขึ้นจำนวน 72.1 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ของผลิตภัณฑ์ประเภท Own Brand เพิ่มขึ้นจำนวน 34.9 ล้านบาท และการขยายกำลังการผลิตของ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาและวัสดุทางการแพทย์สำหรับฟอกไต ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 12.7 ล้านบาท
อีกทั้งกลุ่มบริษัทมีกำไรขั้นต้นรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ106.9 มีสาเหตุหลักจากการ ปรับราคาสินค้าบางรายการเพิ่มขึ้น และการใช้กำลังการผลิตได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้นในไตรมาส 1/2568 โดยกลุ่มบริษัทมีอัตรา EBITDA รวมและอัตรากำไรสุทธิรวมร้อยละ 13.7 และร้อยละ 2.0 ตามลำดับ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากงวด ไตรมาส 1/67 เป็นผลจากกำไรขั้นต้นรวมที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทที่มีการฟื้นตัวโดดเด่นดังกล่าวสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างทันท่วงที ช่วยผลักดันให้ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2568 กลับมาอยู่ในทิศทางที่ดี พร้อมส่งสัญญาณเชิงบวกต่อผลประกอบการทั้งปี 2568 เติบโตโดดเด่น