“ดาวโจนส์” ปิดบวก 214 จุด รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มชิป-จับตาเจรจาการค้า

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 214 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิปเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางความหวังเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกกว่า 200 จุดเมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผลิตชิป ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมถึงจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,519.64 จุด เพิ่มขึ้น 214.16 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ S&P500 ปิดที่ 5,970.37 จุด เพิ่มขึ้น 34.43 จุด หรือ +0.58% และ Nasdaq ปิดที่ 19,398.96 จุด เพิ่มขึ้น 156.34 จุด หรือ +0.81%

แรงซื้อหุ้นกลุ่มชิปเกิดขึ้นหลังจากหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.8% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัททะยานแตะ 3.45 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้า Microsoft ที่มีมูลค่า 3.44 ล้านล้านดอลลาร์ กลับขึ้นมาครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกครั้ง ขณะเดียวกัน หุ้น Micron Technology เพิ่มขึ้น 4.15% และ Broadcom พุ่ง 3.27% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเริ่มจัดส่งชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI)

กระแสความเชื่อมั่นของตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยของแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะมีการหารือร่วมกันภายในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้า โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้กล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ซึ่งจีนได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างเต็มที่

รายงานจากรอยเตอร์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้ประเทศคู่ค้ายื่นข้อเสนอทางการค้าที่ดีที่สุดภายในวันพุธ (4 มิ.ย.) เพื่อเร่งรัดการเจรจาก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการภาษีตอบโต้ที่ถูกระงับไว้จะกลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้ง

นักวิเคราะห์จาก CFRA Research มองว่าการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจมีผลต่ออุตสาหกรรมชิปโดยตรง โดยเฉพาะต่อ Nvidia ซึ่งยังคงถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดจีน หากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทและภาคธุรกิจเทคโนโลยีโดยรวม

ด้านหุ้นกลุ่มการเงิน ธนาคารเวลส์ฟาร์โก (Wells Fargo) ปิดบวก 1.24% และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังตลาดปิด จากข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยกเลิกข้อจำกัดเพดานสินทรัพย์ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2561 หลังเกิดกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการเปิดบัญชีปลอมเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์การเงิน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานล่าสุด สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) เดือนเมษายน อยู่ที่ 7.391 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.1 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อใหม่จากภาคโรงงานลดลง 3.7% ในเดือนเดียวกัน ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 3.2% หลังจากตัวเลขเดือนมีนาคมถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็นขยายตัว 3.4%

Back to top button