
ตลท.จี้ FVC แจงแผนลงทุนนิคม “เวิลด์ลำพูน” 1.16 พันล้าน ชี้ขนาดรายการใหญ่-มีความเสี่ยง
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ FVC ชี้แจงข้อมูลลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน) มูลค่า 1,161 ล้านบาท หลังพบลักษณะธุรกิจแตกต่างจากเดิมและมีขนาดรายการใหญ่เกือบเท่าสินทรัพย์รวมของบริษัท
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีหนังสือขอให้บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่บริษัทมีมติจากคณะกรรมการให้เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด (WIE) เพื่อพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน) ซึ่งมีลักษณะธุรกิจและความเสี่ยงที่แตกต่างจากธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท โดยมีมูลค่าการลงทุนและพัฒนาโครงการรวม 1,161 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 94.15% ของสินทรัพย์รวมของบริษัทที่อยู่ที่ระดับ 1,233 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวแบ่งเป็นการซื้อหุ้นสามัญของ WIE จำนวน 370 ล้านบาท และลงทุนในระบบสาธารณูปโภคของโครงการอีก 730.50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยเงินกู้ 60.50 ล้านบาท โดยจะใช้เงินเพิ่มทุนจากการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) เป็นแหล่งเงินทุนหลัก
ตลท.ระบุว่าด้วยขนาดการลงทุนที่สูงและลักษณะธุรกิจใหม่ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจเดิมของบริษัท ทำให้จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ จึงขอให้ FVC ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 และขอให้คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบชี้แจงความคิดเห็นภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2568
โดยในรายละเอียดที่ต้องชี้แจงรวมถึง แผนพัฒนาโครงการทั้ง 2 เฟส พร้อมกรอบเวลาและความเพียงพอของเงินลงทุน โดยเฉพาะเฟสแรกซึ่งมีที่ดินรอการพัฒนาจำนวน 82 ไร่ ตลอดจนเงื่อนไขในการพัฒนาคลังสินค้าหากเฟส 2 เป็นไปตามแผน
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนเพิ่มทุน 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการนิคมฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มลูกค้าภายในนิคม 219.50 ล้านบาท และในธุรกิจเดิมอีก 180 ล้านบาท ซึ่งตลท.ขอให้ชี้แจงความจำเป็นและประโยชน์ของการใช้เงินดังกล่าวอย่างชัดเจน
พร้อมกันนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถระดมทุนจาก RO ได้ตามแผน FVC ระบุว่าจะใช้การกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 590.50 ล้านบาท หรือหาแหล่งทุนอื่นเพิ่มเติม เช่น การหาผู้ร่วมทุน หรือการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งตลท.ขอให้ชี้แจงแผนสำรอง ระยะเวลา และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อมูลค่าโครงการและโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ตลท.ยังต้องการทราบบทบาทของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบในการกำกับดูแลความเสี่ยง โดยเฉพาะการตรวจสอบสถานะของสินทรัพย์ที่จะได้มา การจัดเตรียมเงินทุนที่เพียงพอ การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และแนวนโยบายการดำเนินธุรกิจใหม่ของบริษัท พร้อมแนวทางการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม