สะพัด! “พีระพันธุ์” เรียกถกกองทุนรักษ์พลังงาน 9มิ.ย. เคาะงบ 3.5พันล. ทิ้งทวนก่อนปรับ ครม.

“พีระพันธุ์” เตรียมประชุมคณะกรรมการกองทุนรักษ์พลังงาน 9 มิ.ย.นี้ ลุ้นอนุมัติงบ 3,500 ล้าน จับตาตั้งคนสนิทคุมอนุกรรมการ หวั่นเอื้อผลประโยชน์ทางการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ เป็นการด่วนในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติร่างประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการสนับสนุนจากกองทุนประจำปีงบประมาณ 2568 รวมวงเงินกว่า 3,500 ล้านบาท โดยมีคำสั่งให้ดำเนินการออกประกาศเปิดรับโครงการจากหน่วยงานต่าง ๆ ภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ทันทีโดยการเรียกประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายพีระพันธุ์ถูกจับตาว่าอาจพ้นจากตำแหน่งหากมีปรับ ครม.รอบใหม่

ขณะที่ประเด็นที่สร้างข้อกังขาเพิ่มเติมคือ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายพีระพันธุ์ ได้มีการลงนามคำสั่งแต่งตั้ง นายอธึก อัศวานันท์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นคนสนิทของตน ให้ดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ในการคัดเลือกและอนุมัติโครงการที่มีการยื่นเสนอของบประมาณเข้ามาให้ กรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) พิจารณา  ดังนั้นการดำเนินการในลักษณะนี้จึงตั้งข้อสังเกตว่า คณะอนุกรรมการฯชุดดังกล่าวที่มีคนใกล้ชิดนายพีระพันธุ์เป็นประธาน เข้ามาควบคุมการคัดเลือกโครงการต่างๆ ที่จะได้รับอนุมัติเงินสนับสนุนจาก ส.กทอ. ด้วยตนเอง ผ่านการทำงานของคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

ทั้งนี้ นายอธึก เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับในปี 2558 จากกรณีซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์เดอร์) ของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 33.34 ล้านบาท ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแต่งตั้งดังกล่าวอาจเป็นความพยายามเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใกล้ชิดในช่วงโค้งสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่

สำหรับกรอบการจัดสรรงบประมาณ 3,500 ล้านบาทของกองทุนฯ ประกอบด้วย 1) วงเงิน 500 ล้านบาท สนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 2) วงเงิน 500 ล้านบาท สำหรับเอกชนดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงาน 3) วงเงิน 2,250 ล้านบาท สำหรับการอุดหนุนองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และ 4) วงเงิน 250 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินงานกองทุนตามพระราชบัญญัติ

การดำเนินการดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นความพยายาม “ทิ้งทวน” เพื่ออนุมัติงบประมาณจำนวนมากให้แล้วเสร็จก่อนมีการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี โดยมีบุคคลใกล้ชิดรับบทบาทสำคัญในการอนุมัติโครงการตามแนวทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

Back to top button