โบรกชู GULF–BCPG เด่น! รับผลกระทบสงคราม “ตะวันออกกลาง” จำกัด

บล.กรุงศรี แนะซื้อหุ้น GULF–BCPG เนื่องจากได้รับผลกระทบจำกัดจากความตึงเครียดตะวันออกกลาง อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการเติบโตที่ชัดเจน และความเสี่ยงต่ำจากนโยบายลดค่าไฟภายในประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุหนักอีกครั้ง เมื่ออิสราเอลและอิหร่านเปิดฉากสู้รบกันต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ในภูมิภาคกลายเป็นสนามรบ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานอย่างรุนแรง ความขัดแย้งที่ลุกลาม สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงกลุ่มพลังงานและโรงไฟฟ้าโดยตรง

ทั้งนี้ สอดคล้องกับฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาพลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 8% เมื่อเทียบวันต่อวัน (d-d) ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ก็มีแนวโน้มปรับขึ้นเช่นกัน หากสถานการณ์ลุกลามไปถึงขั้นปิดช่องแคบฮอร์มุซ

ทั้งนี้ ราคาก๊าซ JKM LNG เดือนสิงหาคม ปรับตัวขึ้น 1.6% ณ วันที่ 13 มิ.ย. 2568 เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางขนส่ง LNG ราว 3% ของความต้องการทั่วโลก ขณะที่ราคา Henry Hub LNG ปรับเพิ่มขึ้น 0.8% โดยบล.กรุงศรีมองว่าเป็นปัจจัยลบต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ได้แก่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC (26%), บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM (22%) และ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF (6%)

ในกรณีที่ความขัดแย้งยืดเยื้อ และราคาก๊าซ JKM LNG ปรับขึ้นต่อเนื่องทุกๆ 10% (หรือเพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์/ล้าน BTU จากระดับปัจจุบันราว 12 ดอลลาร์/ล้าน BTU) จะส่งผลต่อประมาณการกำไรปี 2568 (25F) ของ GPSC ราว -2.3%, BGRIM ราว -3.1% และ GULF ราว -0.2% โดยผลกระทบจะเริ่มสะท้อนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

สำหรับบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ซึ่งมีแหล่งก๊าซหลักจาก Henry Hub (Marcellus) บริษัทมีนโยบายบริหารความเสี่ยงด้านราคาก๊าซ ด้วยการทำสัญญา Hedge ความแตกต่างระหว่างค่าไฟและราคาก๊าซล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 1 ปี ในสัดส่วน 50–75% ของปริมาณขายไฟ เพื่อรักษาระดับ Spark Spread ที่ราว 2 เซนต์สหรัฐต่อหน่วย ส่งผลให้การปรับขึ้นของราคาก๊าซ Henry Hub ทุก 10% (หรือประมาณ 0.35 ดอลลาร์ จากราคาปัจจุบัน 3.52 ดอลลาร์/ล้าน BTU) คาดว่าจะกระทบต่อกำไรปี 2568 ของ BCPG เพียงราว -1%

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยยังคงเลือกหุ้น GULF โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 56.5 บาท และ BCPG โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 8.0 บาท เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจำกัดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการเติบโตที่ชัดเจน และความเสี่ยงต่ำจากนโยบายลดค่าไฟภายในประเทศ

Back to top button