
AOT เคาะตั้งที่ปรึกษาศึกษาสัญญา “ดิวตี้ฟรี” พร้อมนัดเคลียร์ “คิงเพาเวอร์” พรุ่งนี้
AOT เคาะตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางแก้ไขกรณีสัญญาร้านค้าปลอดอากร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน ขณะเดียวเตรียมนัดพูดคุย KPD เพื่อหาทางออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มิ.ย. 68) การประชุมคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ครั้งที่ 8/2568 ที่มี นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานกรรมการ AOT เป็นประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณากรณีที่ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KRD) ได้ส่งหนังสือถึงบริษัท เพื่อขอหารือแนวทางการยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานหลัก 5 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่
โดยให้เหตุผลว่า KPD ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ อาทิ การหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าจากนโยบายรัฐ การลดภาษีสินค้าไวน์ที่กระทบต่อยอดขายในร้านดิวตี้ฟรี การขอคืนพื้นที่บางส่วนของ AOT รวมถึงการขาดมาตรการเชิงรุกของภาครัฐในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีนนั้น
ล่าสุด นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด AOT ได้มีความเห็นให้เร่งรัดดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT และจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาจะทำการศึกษาในประเด็นด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการบริหารธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ AOT จะหารือร่วมกับ KPD ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนที่ KPD ค้างชำระอยู่นั้น ยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่ KPD วางไว้เป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
AOT ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยังมีสถานะทางการเงินมั่นคง แข็งแรง และยังมีแผนหารายได้เพิ่มจากแหล่งอื่น ๆ เช่นรายได้จากค่าใช้บริการระบบไฟฟ้า 400 Hz, ระบบปรับอากาศ PCAIR, โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น, การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้น และกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยผู้ประกอบการรายที่ 3, การพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์โดยรอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue)
โดย AOT ยืนยันว่ายังคงมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับโครงการลงทุนในอนาคตและการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร
ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.68) จะประชุมร่วมกับ KPD เพื่อหารือแนวทางออกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ทั้ง 5 สนามบิน คาดว่าจะเป็นการเจรจาเพื่อหาทางออกที่ดีร่วมกัน และรับทราบความต้องการของ KPD ว่าต้องการอย่างไรบ้าง