VPO ถอยทัพ! ยุติขอสัมปทานป่า 10 ปี เหตุลงทุนสูง-เสี่ยงไม่คุ้มค่า

บอร์ด VPO มีมติเอกฉันท์ยุติแผนขอเช่าพื้นที่ป่าสงวนในชุมพร หลังดำเนินการต่อเนื่องกว่า 10 ปี เหตุติดขั้นตอนศาลปกครองสูงสุดและเจอนโยบายรัฐที่ไม่เอื้อ ชี้แม้ได้สิทธิ์ก็ต้องลงทุนปลูกใหม่ทั้งหมด เสี่ยงสูงไม่เหมาะกับแผนธุรกิจระยะยาว พร้อมย้ำชัดโรงงานยังรับผลปาล์มจากท่าแซะและพื้นที่ใกล้เคียงได้ต่อเนื่อง ไม่กระทบแผนธุรกิจ


บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO แจ้งตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/25666 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ได้พิจารณาอย่างรอบคอบคอบและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติการดำเนินการเพื่อขอสัมปทานใหม่ ในการใช้พื้นที่บำสงวนเดิมของบริษัทฯตามที่เป็นข่าวต่อเนื่องมา ซึ่งในขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่ศาลปกครองสูงสุด โดยบริษัทฯจะดำเนินการแจ้งให้กรมป่าไม้ และกระทรวงทรัพยากรธธธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด หรือ VPO (บริษัทย่อย) จะดำเนินการในแนวทางเดียวกัน

สำหรับการดำเนินการขอสัมปทานพื้นที่ป่าสงวนของบริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัทได้ลำดับเหตุการณ์และเหตุผลที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาไว้ดังนี้

บริษัทเริ่มกระบวนการตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2557 โดยได้ยื่นคำขอสัมปทานใหม่ในพื้นที่ตำบลป่าสลุย และตำบลป่ารับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ต่อมาการเช่าสัมปทานพื้นที่เดิมสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ตุลาคม 2558

เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในกระบวนการอนุมัติ บริษัทฯ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 ในประเด็นการดำเนินการล่าช้าของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาขอสัมปทานใหม่

ต่อมาในวันที่ 17 มิถุนายน 2559 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว อนุญาตให้บริษัทสามารถเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เดิมได้เป็นการชั่วคราว และในวันที่ 25 มีนาคม 2564 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 กรมป่าไม้ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ทำให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งจนถึงปัจจุบันปัจจุบัน เรื่องอยู่ในศาลปกครองสูงสุด

จากลำดับเหตุการณ์ (Time line) ข้างต้น จะเห็นได้ว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทฯยัง มิได้รับสัมปทานการเช่าที่ป่าจากกรมป่าไม้แต่อย่างใด เป็นเพียงบริษัทฯได้รับสิทธิการเข้าทำประโยชน์ ในเขตสัมปทานให้เข้าไปดูแลอยู่ในพื้นที่ตามคำสั่งศาลปกครองกลางคุ้มครองชั่วคราว โดยบริษัทฯต้องชำระค่าตอบแทนให้กรมป่าไม้ตลอดมา

ซึ่งการขอสัมปทานของบริษัทก็เป็นไปได้ แต่ด้วยสถานการณ์และนโยบายของภาครัฐที่มีการเปลี่ยนในช่วงเวลา 10 ปี นี้ บริษัทฯมีความเชื่อว่าเป็นการยากที่คณะรัฐมนตรีจะให้บริษัทฯได้รับสัมปทาน แต่ถึงแม้ว่าบริษัทฯได้รับสัมปทาน บริษัทฯก็ต้องดำเนินการลงทุนปลูกสวนปาล์มในพื้นที่ สัมปทานของกรมป่าไม้ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากอายุของต้นปาล์มที่มีอยู่เดิมต้องได้รับการปลูกทดแทน

ซี่งทางคณะกรรมการของบริษัทฯได้มีการคิดอย่างรอบคอบแล้วถึงการลงทุนปลูกสร้างสวนปาล์มในพื้นที่ สัมปทานของกรมป่าไม้ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนที่สูงและมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะไม่คุ้มการลงทุน

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นคณะกรรมการของบริษัทฯจึงมีมติให้บริษัฯยุติความพยายามที่จะได้มาซึ่งสิทธิในการเช่าสัมปทานใหม่จากกรมป่าไม้ ซึ่งได้ใช้เวลามานานพอสมควรแล้ว เพราะหากได้มาก็จะเสี่ยงที่จะลงทุนไม่คุ้ม ทั้งนี้ทั้งนั้นจากการตัดสินใจข้างต้นก็จะเกิดผลกระทบเล็กน้อยในช่วงต้น แต่ก็จะเป็นผลดีกับบริษัทในระยะยาว

อนึ่งโรงงานที่บริษัทฯมีอยู่ก็สามารถซื้อผลปาล์มกับเกษตรกรทั่วไปได้ในทั่วจังหวัดชุมพร โดยรับซื้อจากอำเภอท่าแซะในปริมาณกว่าร้อยละ 80 และสัดส่วนที่เหลือสามารถซื้อได้ในอำาเภอใกล้เคียง โดยไม่ต้องพึ่งผลปาล์มที่ได้มาจากในเขตสัมปทาน

Back to top button