“ครม.” ปลดล็อกเกณฑ์ “ซื้อหุ้นคืน” เพิ่มความยืดหยุ่น บจ.บริหารเงินสด

“ครม.” อนุมัติหลักเกณฑ์ “ซื้อหุ้นคืน” ของ บจ. โดยไม่ต้องมีระยะเวลาพักคอย 6 เดือนหลังซื้อหุ้นคืนเสร็จและต้องการซื้อหุ้นคืนใหม่ พร้อมขยายระยะเวลาการขายหุ้นคืนจาก 3 ปี เป็น 6 ปี ด้านประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจ ส่งผลดีต่อ บจ.และคาดจะมี บจ.เข้ามาซื้อหุ้นคืนมากขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนและการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยในขั้นตอนต่อไปจะเสนอให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้

ขณะเดียวกัน ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ส่งผลการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมไปประกอบการพิจารณาในชั้นการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

ทั้งนี้ สาระสำคัญของเรื่อง คือ 1.ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนและการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการซื้อหุ้นคืน และการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนและการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คือ แก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ โดยไม่ต้องมีระยะเวลาพักคอย จากเดิมบริษัทจะสามารถซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ได้ เมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันซื้อหุ้นครบจำนวนแล้ว หรือวันสิ้นสุดกำหนดเวลาการซื้อหุ้นคืนครั้งหลังสุด หรือวันที่การยกเลิกโครงการซื้อหุ้นคืนมีผล โดยปรับเปลี่ยนมาเป็นบริษัทสามารถซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ได้ “ทันที” เมื่อการซื้อหุ้นคืนครบจำนวนแล้ว หรือเมื่อพ้นกำหนดวันสิ้นสุดกำหนดเวลาการซื้อหุ้นคืนครั้งหลังสุดหรือวันที่การยกเลิกโครงการมีผล

ทั้งนี้ การซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีระยะเวลาพักคอย 6 เดือนนั้น เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้บริษัทพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสมกับสภาวะตลาด สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนในกรณีบริษัทมหาชนจำกัดที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สามารถขยายระยะเวลาในการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนออกไปได้อีกไม่เกิน 2 ปีในกรณีที่ราคาหุ้นดังกล่าวต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาหุ้นเฉลี่ย และสามารถขยายระยะเวลาจำหน่ายหุ้นดังกล่าวออกไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี ในกรณีที่ไม่สามารถจำหน่ายหุ้นได้หมดภายในระยะเวลา 2 ปีดังกล่าว

โดยบริษัทจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้น และจะต้องได้รับความเห็นชอบก่อนครบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว (เดิมไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว มีเพียงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัด โดยสามารถจำหน่ายหุ้นฯ ได้ แต่ต้องไม่เกิน 3 ปีนับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้นและต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะมีการจำหน่ายหุ้นใหม่เท่านั้น)

สำหรับการเพิ่มข้อกำหนดดังกล่าวจะทำให้บริษัทมหาชนจำกัดที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีระยะเวลาในการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6 ปี ซึ่งประกอบด้วย 1.ระยะเวลาในการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนตามกฎกระทรวงเดิม 3 ปี, 2.ระยะเวลาที่ขยายได้อีกไม่เกิน 2 ปีในกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัทในช่วงเวลา ที่กำหนดไว้ในการซื้อหุ้นคืนต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาซื้อคืนเฉลี่ย และ 3.ระยะเวลาที่ขยายได้อีกไม่เกิน 1 ปี ในกรณีที่ไม่สามารถจำหน่ายหุ้นฯ ได้หมดภายใน 2 ปี เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนออกไป ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างเหมาะสม

“ราคาหุ้นของบริษัทในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ในการซื้อหุ้นคืนนั้น ต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาซื้อคืนเฉลี่ย ให้สามารถขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนออกไปได้อีก 2 ปี และหากไม่สามารถจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนนี้ได้หมดภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทสามารถขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวได้อีกไม่เกิน 1 ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6 ปี จากเดิมไม่เกิน 3 ปี”

ทั้งนี้ บริษัทจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจึงจะขยายระยะเวลาดังกล่าวได้ เพื่อช่วยให้บริษัทที่มีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินสามารถทำโครงการซื้อหุ้นคืนได้คล่องตัวตามสภาวะเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่อง และศักยภาพของตลาดทุนอันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและตลาดทุน รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ด้าน ศ.พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า เกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนจะช่วยให้ บจ. บริหารด้านสภาพคล่องของบรัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถทำธุรกรรมการซื้อหุ้นคืนได้สะดวกมากขึ้น พร้อมกับมั่นใจว่า จะมี บจ.เข้าโครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มขึ้นอีก

จับตา 1.57 แสนล. ชงบอร์ดกระตุ้น ศก.วันนี้

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกรทะรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ (18 มิ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะมีการเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้การใช้งบประมาณวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม โดยจะเลือกโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุดก่อน ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่มีความพร้อมเสนอให้อนุมัติแล้ว คิดเป็นวงเงินรวมมากกว่าแสนล้านบาท

สำหรับการเริ่มต้นใช้วงเงินงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทนั้น รองนายกและรมว.คลัง กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้ และเริ่มใช้เงินในปีงบประมาณหน้า

นายพิชัย ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าและภาษีไทย-สหรัฐว่า ขณะนี้เริ่มเจรจาเป็นทางการในระดับเทคนิคแล้ว และคาดว่าไทยจะยื่นรายละเอียดข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับทางการสหรัฐได้ภายในสัปดาห์นี้

เราเริ่มคุยแล้ว ครั้งแรกเป็นการพูดคุยแบบออนไลน์ ที่ยื่นไปแล้วนำรายละเอียดมาปรับ ที่ยื่นไปก็เป็นไปตามหลักการที่เคยทราบแล้ว และย้ำว่ายื่นรายละเอียดภายในสัปดาห์นี้…ครั้งต่อไปก็ต้องเจอหน้ากันแบบ Face to Face

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด ระบุว่า นายพิชัย รองนายกฯ และรมว.คลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ว่า “เริ่มเจรจาแล้ว” และคาดว่าไทยจะสามารถยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯได้ในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนจะเป็นการปรับยื่น ตามหลัก 5 ข้อที่เสนอไปก่อนหน้านี้ โดยมองเป็น Sentiment “บวก” ต่อหุ้นกลุ่มนิคม-ส่งออก อย่าง AMATA WHA ITC TU DELTA HANA

Back to top button