
“หยวนต้า” แนะเก็บ 11 หุ้นบิ๊กแคป ผลงานโต ฝ่าวิกฤต “การเมือง” ไร้เสถียรภาพ
บล.หยวนต้า มองการเมืองอ่อนไหว กด SET แนะกลยุทธ์ลงทุน ระหว่างรอความชัดเจน มุ่งแบ่งเงินเก็งกำไร Global Play เป้า “พลังงาน-ปิโตรเคมี” พร้อมพักเงินในกองทรัสต์ REIT ชูกลยุทธ์เด่นไล่เก็บ ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT, BDMS, MINT, KBANK, SCB, GULF, GPSC และ BEM พื้นฐานแกร่ง ฟื้นแรงหลังการเมืองนิ่ง
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึงดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 4.8% ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2568 (MTD) ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI Asia ex Japan ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 3.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจัยสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการชี้แจงถึงความอ่อนแอของตลาดหุ้นไทย คือความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเหตุการณ์ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ การเปลี่ยนแปลง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงประเด็นความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ มีมุมมองว่า การแก้ปัญหาพื้นที่ชายแดนที่กระทบเสถียรภาพของรัฐบาลมากที่สุด ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาล คือ ภูมิใจไทย ประกาศถอนตัว ทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลลดลงเหลือประมาณ 255 เสียง จาก 324 เสียง ถือเป็นความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ เพราะเป็นระดับที่ปริ่มน้ำเมื่อเทียบกับเสียงกึ่งหนึ่งของสภาฯ ที่ 248 เสียง หากมีพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวเพิ่มเติม จะเข้าสู่เงื่อนไขรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่นำไปสู่การลาออก ของนายกหรือการยุบสภาทันที
แม้ปัจจัยการเมืองยังกดดัน แต่ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินว่าใกล้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งถ้าอิงข้อมูลตามสถิติ ไม่ว่าจะเป็นกรณียุบสภา หรือสรรหานายกใหม่ ผ่านกระบวนการสภา ซึ่ง SET Index ถูกกระแทกก่อนในช่วงแรกแต่ไม่มากนัก โดยวันที่ประกาศ ลงไปทำจุดต่ำสุด 1.3% ซึ่งมักเป็น Bottom ของรอบนั้น ก่อนจะฟื้นตัวรับข่าวการจัดตั้งรัฐบาลชดใหม่และความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเร่งตัวตามมา
ขระที่จากการประเมินผลกระทบด้านปัจจัยการเมืองต่อ SET Index ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์อิงที่ความชัดเจน ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย ประกอบกับการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดยอิงสถิติที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นสำคัญ
1.) ทางเลือกที่เป็นบวกต่อ SET Index มากที่สุด คือ นายกลาออก เพราะใช้เวลาสรรหาสั้น หากเทียบกับกรณี 14 ส.ค. 67 SET Index ฟื้นตัว 3.1% ภายใน 5 วันทำการถัดมาหลังสภาเลือกนายกใหม่ได้
2.) ทางเลือกที่เป็นลบต่อ SET Index มากที่สุด คือ การบริหารประเทศด้วยเสียงข้างน้อย เพราะจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยงบประมาณที่จำกัด และนายกมีความเสี่ยงที่จะต้องยุบสภา หรือลาออกตามมา และ 3.) กรณียุบสภาฯ เรามองเป็นกลาง สถานการณ์จะนิ่งขึ้น แต่ต้องใช้เวลาเลือกตั้งใหม่ใน 45-60 วัน
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนระหว่างรอความชัดเจนด้านปัจจัยการเมืองฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำสลับเก็งกำไรใน Global Play เช่น พลังงานต้นน้ำ โรงกลั่น ปิโตรเคมี หรือพักเงินใน Defensive Play อาทิ กลุ่ม REIT แล้วค่อยกลับมา Buy on fact หุ้นขนาดใหญ่ที่ผลประกอบการยังโตดี เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลงชัดเจน อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นต้น