
CGSI มองกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,050–1,090 จุด แนะเก็งกำไร PTTEP-MOSHI
CGSI ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,050–1,090 จุด รับปัจจัยลบการเมือง เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันสูง แนะกลยุทธ์เก็งกำไรกลุ่มพลังงาน-ค้าปลีก พร้อมจับตาความผันผวนกัมพูชา-ไทย
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ภายในกรอบ 1,050–1,090 จุดในช่วงสัปดาห์นี้ โดยมองว่าตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควร ทั้งจากเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ
โดยเฉพาะกรณีการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทยจากรัฐบาล ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยังดำเนินอยู่ ซึ่งยังคงหนุนให้ราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในระดับสูง รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการเติบโตต่ำ
อย่างไรก็ตาม CGSI ประเมินว่า แม้พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจากรัฐบาล แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองอื่นแสดงท่าทีที่จะถอนตัวตาม มีเพียงการเจรจาภายในพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีสุญญากาศทางการเมือง และจะทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ และช่วยชะลอการไหลออกของเงินทุน (Fund Flow) ได้บางส่วน
ด้านกลยุทธ์การลงทุน CGSI แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์แบบ Selective Buy โดยเน้นการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP ที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยยังต้องระมัดระวังหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ TOP, SPRC และ BCP เนื่องจากแม้ Crack Spread จะมีแนวโน้มปรับขึ้น แต่ต้นทุนน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอาจหักล้างประโยชน์ที่ได้รับ อีกทั้งตลาดยังจับตาท่าทีของอิหร่านในการพิจารณาปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่ง CGSI ประเมินว่าหากเกิดขึ้นจะเป็นเพียงระยะสั้น เพราะเส้นทางดังกล่าวถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอิหร่านเอง
ขณะเดียวกัน ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มที่อิงกับกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งถูกลดน้ำหนัก (Underweight) มาระยะหนึ่ง อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MOSHI) ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่ยังมีเสถียรภาพ
สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง CGSI ระบุว่า ควรระวังหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะ CBG ที่มีสัดส่วนการส่งออกไปกัมพูชาราว 60% และรายได้จาก Energy drink ประมาณ 28% รวมถึงหุ้นอื่นๆ ที่มีรายได้จากกัมพูชาระดับ 3-5% เช่น TVO, GFPT, BTG และ CPF ขณะที่ TU ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพียง 0.007% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดในช่วงวันที่ 23–27 มิถุนายน 2568 โดยได้ปรับลดกรอบ Ceiling/Floor ของราคาหลักทรัพย์ลงครึ่งหนึ่งจากเดิม ±30% เหลือ ±15% สำหรับหุ้นในตลาด SET, mai และ TFEX รวมถึง Futures และ Options ทุกประเภท และลดกรอบราคา Dynamic Price Band เหลือ ±5% จาก ±10% ของราคาซื้อขายล่าสุด เพื่อควบคุมความผันผวนของราคาในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ
สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้ CGSI แนะนำ MOSHI ซึ่งคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมจะยังแข็งแกร่งที่ระดับ +17% ในไตรมาส 2/2568 โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 204 สาขาภายในปีนี้ (Take profit ที่ 41.50 บาท / Stop loss ที่ 38.50 บาท) และ PTTEP แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงมีอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจราว 9% ในช่วงปี 2568–2570 (Take profit ที่ 114.00 บาท / Stop loss ที่ 105.50 บาท)