“พบชัย” ชี้ SET ไม่หลุด 1,000 จุด แนะเก็งกำไร “หุ้นพลังงาน” รับน้ำมันดิบพุ่ง

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ถูกกดดันจากความขัดแย้งต่างประเทศ-การเมืองในประเทศ ชี้มีโอกาสทดสอบแนวรับเดิม 1,055 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ถือเงินสด-เก็งกำไรหุ้นน้ำมัน


นายพบชัย ภัทราวิชญ์ นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันหลายด้าน โดยยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจนพอจะสนับสนุนการฟื้นตัว ส่งผลให้โอกาสปรับตัวขึ้นยังค่อนข้างจำกัด

โดยปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม คือความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ขณะที่รัฐสภาอิหร่านมีมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันราว 20% ของโลก หากเกิดขึ้นจริงอาจผลักดันราคาน้ำมันให้พุ่งขึ้นถึงระดับ 90-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและความกังวลด้านเงินเฟ้อทั่วโลก

อีกปัจจัยคือเส้นตายการเจรจาภาษีตอบโต้ของสหรัฐกับประเทศคู่ค้าในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ซึ่งแม้การเจรจาจะยังดำเนินต่อไป แต่ยังไม่มีข้อสรุป ทำให้ตลาดยังเผชิญแรงกดดันด้านความไม่แน่นอน

สำหรับปัจจัยในประเทศ ปัญหาการเมืองยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยแม้นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะยืนยันไม่ลาออก และมีการเจรจาปรับคณะรัฐมนตรีร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ความเสี่ยงจากการมีเสียงปริ่มน้ำ รวมถึงกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่อาจพิจารณารับคำร้องกรณีวุฒิสภายื่นถอดถอนนายกฯ ยังคงเป็นความไม่แน่นอนที่ตลาดต้องติดตาม นอกจากนี้ยังมีนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายน ที่อาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาลเพิ่มเติม

ขณะที่ในส่วนของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่มีการปิดด่านชายแดนจากทั้งสองฝ่าย ถือเป็นอีกปัจจัยที่อาจกระทบต่อการค้าและเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งล้วนส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นายพบชัย ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงทดสอบแนวรับเดิมที่ 1,055 จุด หากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจถอยลึกลงไปถึง 1,040 หรือ 1,030 จุด ขณะที่แนวต้านด้านบนยังจำกัดอยู่ที่ 1,075-1,085 จุด อย่างไรก็ตาม มองว่า SET Index ไม่น่าจะหลุดระดับ 1,000 จุด เนื่องจากระดับ P/E จะอยู่ต่ำกว่า 12 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะกลางถึงยาว และอาจกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาได้

สำหรับประเด็นเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ คาดว่าจะเป็นลักษณะออนไลน์ โดยคาดการณ์ว่าภาษีของไทยจากเดิม 36% อาจเจรจาลดลงได้เหลือประมาณ 20% ซึ่งหากอัตราภาษีไทยไม่แตกต่างจากประเทศในภูมิภาคมากนัก เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย ก็อาจไม่กระทบการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำรอจังหวะเข้าสะสม โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, SPRC, BCP ซึ่งได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยง แนะนำทยอยสะสมหุ้นปลอดภัยที่ผลประกอบการไม่ผันผวนตามปัจจัยภายนอก เช่น ADVANC, BCH และ DIF รวมถึงหุ้นที่ซื้อขายต่ำกว่า PE ในอดีต อย่าง BBL, BDMS และ TIDLOR

Back to top button