INVX ฟันธง! ดัชนีดาวน์ไซด์จำกัด ชู 5 หุ้นรับ “เมกะเทรนด์”

INVX มั่นใจดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/68 มีดาวน์ไซด์จำกัด แนะกลยุทธ์คัดหุ้นพื้นฐานแกร่งรับ “เมกะเทรนด์โลก” BCH, CPF, DIF, MTC และ SCC เป็นตัวเลือกเด่น คงเป้าดัชนีฯ ปี 68 ที่ 1,250 จุด ชี้หากลงต่ำกว่า 1,100 จุด เป็นจุดสำคัญน่าเข้าซื้อ ลุ้นฟื้นตัวจากนโยบายการเงินผ่อนคลายและการลงทุนภาครัฐ


ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (INVX) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2568 เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงต่อเนื่องจากสงครามการค้า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอลงจากผลกระทบภาษีศุลกากร โดยคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ลดดอกเบี้ย และเงินเฟ้อจะเพิ่มสู่ 3.6% ต้องจับตาเงินเฟ้อ การบริโภค และการจ้างงานใกล้ชิด

ส่วนประเทศจีนแม้จะมีแนวโน้มชะลอแต่มาตรการกระตุ้นจะช่วยพยุง ขณะที่ไทยเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะอัตราภาษี Reciprocal Tariff ที่ประกาศ ณ วันที่ 7 ก.ค. ทำให้มีความเสี่ยงต่อประมาณการ GDP ของไทยในปีนี้ที่ 1.4% (สมมติฐานภาษี Reciprocal Tariff ที่ 15%) อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เวียดนามเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2568 อาจเป็นฐานสำหรับการเจรจาการค้าของไทย โดย

1.ไทยอาจต้องลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 0% เช่นเดียวกับเวียดนาม และ

2.ไทยจะต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นอีกมาก หากการเจรจาสำเร็จ และทำให้ภาษีลดลงเหลือ 15-20% GDP จะเติบโต 1.1-1.4% ในปี 2568 (ความน่าจะเป็น 30%) แต่หากภาษี 21-28% อาจทำให้ GDP ขยายตัว 1.0-0.0% (ความน่าจะเป็น 50%)

ส่วนในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด หากต้องเผชิญภาษี 29-36% ทำให้ GDP อาจหดตัวที่ -0.1% ถึง -1.1% (ความน่าจะเป็น 20%)

ด้านนายสุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department INVX กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/2568 ประเมินความเสี่ยงทางลงมีจํากัด แต่อัพไซด์ไม่มาก แม้สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าหลักจะเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความผันผวนได้ต่อ จากนโยบายที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลัน

โดยเศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในหลายด้าน ได้แก่ ความไม่แน่นอนด้านการค้า การท่องเที่ยวที่ยังชะลอตัว ความเปราะบางของภาคเกษตร การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน หนี้ครัวเรือนในระดับสูงและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ ธปท. มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าว การกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพยังเป็นหัวใจหลักของการลงทุนในภาวะที่ตลาดมีอัพไซด์ไม่มาก แต่มีความผันผวนสูง

นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน INVX กล่าวว่า ยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2568 ที่ระดับ 1,250 จุด ซึ่งระดับต่ำกว่า 1,100 จุด เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ การฟื้นตัวของตลาดยังต้องอาศัยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การเร่งลงทุนภาครัฐ และเสถียรภาพของสภาพคล่องในระบบ

สำหรับกลยุทธ์สำคัญสำหรับช่วงไตรมาส 3 แนะนำเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้งในด้านงบดุล รายได้ที่หลากหลาย มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาสรับอานิสงส์จากเมกะเทรนด์การลงทุนในประเทศและการค้าโลกที่ฟื้นตัว โดยหุ้นเด่นที่เลือก ได้แก่ BCH, CPF, DIF, MTC และ SCC ซึ่งตอบโจทย์คุณสมบัติทั้ง 5 ข้อที่ใช้ในการประเมิน

ส่วนในฝั่งตลาดต่างประเทศ เน้นกระจายการลงทุนในกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตมั่นคง การเพิ่มการลงทุนด้านการทหาร ลดน้ำหนักเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ที่เริ่มชะลอ พร้อมเน้นธีม Domestic Play โดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่

1.หุ้นแนะนำในตลาดสหรัฐฯ อาทิ AMD, Constellation Energy, Goldman Sachs, Microsoft, Netflix, RTX

2.หุ้นแนะนำในตลาดยุโรป อาทิ BNP Paribas, Deutsche Telekom, Iberdrola, Rheinmetall, SAP, Siemens และ

3.หุ้นแนะนำในตลาดจีน อาทิ CATL, China Mobile, Hong Kong Exchange, SMIC, Tencent, Trip.com

ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่าย Investment Strategy และฝ่าย Trading Product Specialist INVX กล่าวว่า กลยุทธ์หลักในการลงทุนไตรมาส 3/2568 คือ การจัดพอร์ตอย่างสมดุล โดยกระจายการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์และภูมิภาค เพื่อกระจายความเสี่ยง รับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ทั้งจากภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการเงิน และทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในฝั่งสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำ ยังคงน่าสนใจจากแรงซื้อสะสมของธนาคารกลางทั่วโลกและการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ตราสารหนี้

แนะนำลงทุนใน Duration ระยะสั้น (น้อยกว่า 2 ปี) ที่มีความยืดหยุ่นและรับมือกับความเสี่ยงเงินเฟ้อได้ดีกว่าตราสารระยะยาว ตราสารทุน ยังคงเน้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (EM) และหุ้นนอกสหรัฐฯ (Ex-US) โดยเฉพาะเวียดนามและจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และยังมี Valuation ที่น่าสนใจ ขณะที่แนะจับตาหุ้นยุโรป จากสัญญาณการฟื้นตัวทั้งจากเศรษฐกิจในปีนี้และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า

โดยผลิตภัณฑ์กองทุนแนะนำประจำไตรมาส 3/2568 สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตในธีมต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโต ได้แก่

1.UOBSG-H ที่ลงทุน SPDR Gold Shares ETF ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

2.DAOL-CHINATECH ที่ชูธีมหุ้นเทคจีนชั้นนำ อย่าง Xiaomi และ Tencent

3.PRINCIPLE VNEQ-A กองทุนแรกของไทยที่ลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพดี

4.LHHEALTH-A เน้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาปรับลงอยู่ในจุดที่น่าสนใจ และ

5.DR HSHD23 ที่ลงทุนในหุ้นจีนชั้นนำ 50 ตัว อิงดัชนี Hang Seng High Dividend Yield ปันผลสูงเฉลี่ย 6-8% ต่อปี ตอบโจทย์ทั้งการเติบโตและการป้องกันความผันผวนในระยะยาว

Back to top button