
SCB รับพอร์ตลงทุนเพิ่ม-ตั้งสำรองลด ดันกำไร Q2 โต 28% แตะ 1.28 หมื่นล้านบาท
SCB โชว์กำไรไตรมาส 2/68 เติบโต 28% แตะ 12,786.07 ล้านบาท หนุนจากกำไรพอร์ตลงทุนที่เพิ่มขึ้น การตั้งสำรองลดลง ขณะที่กำไรงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 25,288.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.75% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 12,786.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.68% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 10,014.33 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในพอร์ตการลงทุนของธนาคาร การลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการยุติธุรกิจ Robinhood
รวมถึงมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะปรับตัวลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการเติบโตของสินเชื่อที่ยังชะลอตัวรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงจากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ไม่เกิดประจำและรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันผ่านธนาคารที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกิดประจำยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่โดดเด่นผ่านการขายผลิตภัณฑ์การลงทุนมูลค่าสูงที่แข็งแกร่ง รวมถึงค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากการอุดหนุนของกองทุนฟื้นฟู
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น และการออกจากธุรกิจที่ขาดทุนในบริษัท Purple Ventures ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 40.2 ในไตรมาส 2 ปี 2568 เทียบกับร้อยละ 42.9 ในไตรมาส 2 ปี 2567
ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นของธนาคารและธุรกิจกลุ่ม Gen 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก CardX แม้ว่าธุรกิจของ AutoX และ MONIX จะมีการปรับเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ผลขาดทุนด้านเครดิตในระดับปัจจุบันยังเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากลูกค้ารายย่อยที่มีความเปราะบาง ทั้งในส่วนของธนาคารและบริษัทในกลุ่ม
นอกจากนี้ บริษัทได้ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบด้วยการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม (Management Overlay) จำนวน 900 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้การตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมในครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ระดับของสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ จากการบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ
การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวทั้งจากปีก่อนหน้าและจากไตรมาสก่อน ทั้งในธุรกิจ Gen 1 และ Gen 2 สะท้อนถึงแนวทางการปล่อยสินเชื่อที่เน้นความระมัดระวังและการคัดเลือกอย่างรอบคอบ
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 25,288.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.75% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,295.36 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ มาจากกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ลดลง และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานภายหลังจากการขายธุรกิจ Robinhood ซึ่งส่วนหนึ่งหักลบกับการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ
ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยืดเยื้อ กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ให้ความสำคัญกับการช่วยประคับประคองลูกหนี้ทุกกลุ่มผ่านมาตรการที่หลากหลายและต่อเนื่อง โดยในส่วนของมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 1 มีลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการแล้วเป็นยอดหนี้รวมกว่าห้าหมื่นล้านบาท และพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมในมาตรการระยะที่ 2 เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางมีโอกาสฟื้นตัวได้
ผลประกอบการไตรมาสที่สองปี 2568 ของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการให้เกิดแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ ส่งผลให้การก่อตัวของสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาอย่างเป็นทางการ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการจัดตั้ง
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว