
“พงศ์ภัทร” คัด 3 ธีมน่าลงทุน ชู 13 หุ้นมีอัพไซด์ รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ แนะจับตา 3 ธีมลงทุนเด่นช่วงตลาดผันผวน ชูหุ้นพื้นฐานแกร่งกำไรโต ADVANC, BCH, CBG, CPALL, SCCC เสริมพอร์ตด้วยหุ้นขึ้นน้อยกว่าตลาดแต่มีปัจจัยหนุนอย่าง BDMS, MINT, MTC, PTT, GLOBAL และ HMPRO พร้อมเก็งดอกเบี้ยขาลง ลุยเก็บ TIDLOR, MTC
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน Research Department, InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ 4 ส.ค.68 ว่า SET Index โดยรวมยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยลบภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะกรณีการประกาศมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 1 ส.ค. ซึ่งแม้จะออกมาตามคาดการณ์ของตลาด แต่ก็ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นหลายกลุ่ม
นอกจากนี้ ดัชนียังเผชิญแรงกดดันทางเทคนิค หลังจากไม่สามารถยืนเหนือระดับ High เดิมบริเวณ 1,228–1,230 จุด ได้ทำให้ตลาดพลิกกลับมาเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงในระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับปัจจัยภายนอก ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดในขณะนี้ หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สร้างความตกใจให้กับนักลงทุน คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ของสหรัฐฯ แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 106,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขจริงกลับออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่เพียง 73,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือการปรับลดตัวเลขในช่วง 2 เดือนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นหากพิจารณาในเชิงเทคนิคแล้ว จุดสำคัญที่ควรจับตาคือบริเวณแนวต้าน 1,228–1,230 จุด หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างมั่นคง จะมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้นและปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน มีความเสี่ยงที่ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideway) หรืออาจอ่อนตัวลงอีกครั้ง นักลงทุนควรระมัดระวัง
ในส่วนของประเด็นระดับภาษีสหรัฐที่ 19% ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ โดยอัตราภาษีของไทยต่ำกว่าเวียดนามเล็กน้อยที่ 20% และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในขณะนี้ตลาดมีการฟื้นตัวขึ้นมาพอสมควร โดยดัชนีเทรดอยู่กรอบ P/E ประมาณ 14 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับบนเมื่อเทียบกับช่วงต่ำสุดก่อนหน้านี้ที่ 12 เท่า สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ตลาดมีความอ่อนไหวต่อข่าวลบได้ง่าย หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือเรื่องของงบประมาณปี 2569 จะสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภา ได้ทันก่อนที่จะมีการยุบสภาหรือไม่ เพราะหากเกิดการยุบสภาก่อนที่งบประมาณจะผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อตลาด
ขณะที่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องยื่นหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีคลิปเสียง ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากแนวทางในอดีต เช่น กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน หรือนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ศาลอาจใช้เวลาพิจารณาราว 2 สัปดาห์ ถึงประมาณ 1 เดือน ในการมีคำวินิจฉัย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นช่วงที่ตลาดต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับธีมการลงทุนในวันนี้ ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำให้เน้นกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ (earning) เติบโตโดดเด่น ทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งมีโอกาสสร้าง Momentum เชิงบวกต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3 กลุ่มหุ้นแนะนำได้แก่ ADVANC, BCH, CBG, CPALL และ SCCC
นอกจากกลุ่มหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่แนะนำธีมการลงทุนแบบ Trading ระยะสั้น โดยเน้นกลุ่มหุ้นที่ยังขึ้นช้ากว่าตลาด หรือยัง ไม่ตอบรับเชิงบวกเต็มที่เมื่อเทียบกับ SET หากตลาดฟื้นตัวหุ้นเหล่านี้มีโอกาสเด้งตาม เกณฑ์คัดเลือก ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นน้อยกว่า SET ค่า P/BV และ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -1 Standard Deviation หุ้นแนะนำสำหรับธีมนี้ได้แก่ BDMS CPALL, MINT, MTC และ PTT
นอกจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากลุ่ม ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เริ่มกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งหุ้นแนะนำในกลุ่มนี้ ได้แก่ GLOBAL และ HMPRO รวมไปถึงแนะนำธีมหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นกลุ่มนี้ได้แก่ TIDLOR และ MTC