
“ชัยยศ” ลุ้น SET ทดสอบ 1,350 จุด ชู 2 หุ้นเด่น BDMS-CPALL ชี้กำไร Q2 แกร่ง
“ชัยยศ จิวางกูร” มอง SET ยังมีแรงขับเคลื่อนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติและปัจจัยหนุนในประเทศ ประเมินเป้าหมาย 1,350 จุด แต่เตือนนักลงทุนระยะกลางให้ระวังแรงขายจากภาวะ Overbought พร้อมแนะนำหุ้นเด่น BDMS-CPALL กำไรไตรมาส 2 แข็งแกร่ง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวก โดยมีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยเชิงบวกหลายประการ
โดยเฉพาะตัวเลขภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่เก็บจากไทยเพียง 19% ซึ่งต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน อีกทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศที่อาจปรับลดลงในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นบวกต่อการบริโภคในประเทศที่มีสัดส่วนสูงถึง 50-55% ของ GDP
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีอัพไซด์เมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้าน โดย SET Index ที่ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดมาแล้วราว 200 จุด ยังมีโอกาสไปต่อ โดยกรุงศรีประเมินเป้าหมายที่ 1,350 จุด หรือมีช่องว่างอีกประมาณ 100 จุด แต่เตือนนักลงทุนระยะกลาง-ยาวให้ระมัดระวัง เพราะระดับปัจจุบันเริ่มเข้าสู่เขต Overbought และเหมาะกับการเทรดดิ้งหรือเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า ส่วนจังหวะลงทุนใหม่ควรรอให้ดัชนีย่อลงมาบริเวณ 1,250 จุด
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะสั้น ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หลังจากนั้นตลาดจะเข้าสู่ช่วงจับตาปัจจัยการเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และคุณแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลและสร้างความผันผวนให้กับตลาด
ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ยุบสภาก่อนที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะผ่านความเห็นชอบ ก็จะส่งผลลบต่อการเบิกจ่ายของภาครัฐ และทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น เนื่องจากเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบ Real Sector จะล่าช้า ส่งผลให้ SET อาจเผชิญแรงกดดัน
ด้านหุ้นเด่นช่วงนี้ แนะนำสะสมหุ้นที่คาดว่างบการเงินไตรมาส 2/68 แข็งแกร่ง ได้แก่ BDMS ราคาพื้นฐาน 33 บาท คาดกำไรไตรมาส 2 ที่ 3,000 ล้านบาท และจะได้อานิสงส์จากฤดูฝนที่ส่งผลดีต่อธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ CPALL ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรทั้งปีคาด 6,700 ล้านบาท ราคาพื้นฐาน 80 บาท
ขณะเดียวกัน กลุ่มไฟแนนซ์ เริ่มมีสัญญาณบวกจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ MTC และ SAK ที่สามารถควบคุมหนี้เสีย (NPL) ได้ดีและมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการประชุม กนง. ที่อาจลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นบวกโดยตรงต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจไฟแนนซ์
ด้านหุ้นการบินไทยที่กลับมาซื้อขายอีกครั้งหลังพ้น SP ได้รับแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันที่ต้องปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับดัชนี SET100 และ SET50 รอบใหม่ ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของ THAI ปัจจุบันสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำและมีโอกาสกลับเข้าสู่ดัชนีในรอบถัดไป โดยกรุงศรีประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 7.60-8.00 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน
สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยปรับเพิ่มนโยบายการจ่ายเงินปันผล ไม่ว่าจะเป็น KBANK, SCB, KTB, TTB นายชัยยศมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มความน่าสนใจของหุ้นในภาวะที่อัพไซด์ระยะสั้นเริ่มจำกัดมากขึ้น โดยยืนยันว่าไม่ได้สะท้อนการคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะไม่ไปไหน แต่เป็นการสร้างเสถียรภาพของราคาหุ้นผ่าน Dividend Yield ที่จูงใจมากขึ้น เช่น SCB มีผลตอบแทนจากปันผลกว่า 8% และ KBANK อยู่ที่ประมาณ 7% ทำให้หุ้นธนาคารมีแรงรับในภาวะตลาดผันผวน