
SKY โชว์แบ็กล็อก 2.3 หมื่นล้าน เดินหน้ารุก Aviation Tech-ขยายธุรกิจครบวงจร
SKY กางแผนครึ่งปีหลังรุกพัฒนา Aviation Tech และกระจายพอร์ตธุรกิจ หนุนเติบโตยั่งยืน พร้อมตุนแบ็กล็อก 23,463 ล้านบาท รองรับรายได้ 6-7 ปีข้างหน้า
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 (เม.ย.-มิ.ย. 68) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 2,636 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 62% และ 82% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,632 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค.-มิ.ย. 68) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยรายได้รวมและกำไรในช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 ของภาพรวมธุรกิจมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาพรวมอัตราการเดินทางเข้าออกประเทศของผู้โดยสารในครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค. – มิ.ย. 68) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5% แม้จะมีแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราการเดินทางเข้าออกประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลบวกต่อรายได้รวมในกลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน อาทิ ระบบเช็คอินและออกตั๋วผู้โดยสาร (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing System: APPS) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2568 สกาย กรุ๊ป นอกจากการพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้าน Aviation Tech as a Service อย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน เพื่อรองรับมาตรการกระตุ้นต่อเนื่องจากภาครัฐ และการพัฒนาเชิงโครงสร้างเพื่อดันอุตสาหกรรมการบินของไทยสู่ “Aviation Hub” บริษัทยังคงวางแผนสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย กับโครงสร้างรายได้ที่ครอบคลุมทั้งรูปแบบสัมปทาน (Concession) เป็นรายได้ระยะยาว, รายได้ประจำจากการให้บริการรายเดือน (Recurring Revenue), และรายได้จากโครงการ (Project Based) เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน และยังคงเดินหน้าจัดทัพโครงสร้างธุรกิจในเครือ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน
อาทิ ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยให้บริการกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ด้วย Smart Facility Management ผ่าน บริษัท เมทเธียร์ จำกัด, ธุรกิจ Contact Center ที่นำเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) และ AI เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ผ่านการลงทุนใน บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (ปัจจุบันชื่อบริษัท สกาย ซีซี จำกัด) และธุรกิจด้านการจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-SI) ผ่านการส่ง บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS)
นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,463 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า รองรับการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือเพื่อรองรับการเติบโตของแต่ละหน่วยธุรกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังมองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรเพื่อรับมือกับโอกาสในการขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนให้แข็งแกร่งขึ้น