“กรุงศรี” ชี้ SET แกว่งในกรอบ 1,231–1,295 จุด จับตา GDP ไทย Q2/68 ชู KTB-SCB-CPALL เด่น

“บล.กรุงศรี” ชี้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,231–1,295 จุด นักลงทุนจับตา GDP ไตรมาส 2/68 คาดโต 2.6% และติดตามตัวเลขส่งออก–นำเข้าไทย พร้อมติดตามท่าที Fed จากการประชุม Jackson Hole วันที่ 22 ส.ค.นี้ ชูหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ KTB,SCB และ CPALL


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (18-22 ส.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทยัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ โดยให้แนวรับที่ 1247-1231 จุด และแนวต้าน 1283-1295 จุด

โดย บล.กรุงศรี มองว่าตลาดหุ้นไทยผ่านช่วงการปรับพอร์ตหลังประกาศงบไตรมาส 2/68 แล้ว แต่ด้วยภาพรวมกำไรของดัชนี SET ที่ยังไม่โดดเด่น ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 ยังคงมีความกังวล แรงขับเคลื่อนหลักของตลาดจึงยังอยู่ที่ Fund Flows ต่างชาติ โดยนักลงทุนยังคงรอติดตามรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการประชุม Jackson Hole Economic Policy Symposium

สำหรับสัปดาห์นี้ บล.กรุงศรี แนะนำหุ้นเด่นกลุ่ม Domestic Plays ได้แก่ ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ที่คาดว่าจะได้แรงหนุนเชิงบวกจากการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 ในสภาฯ รวมถึงตัวเลข GDP ไทยไตรมาส 2/68 ที่อาจนำไปสู่การปรับประมาณการทั้งปีขึ้น นอกจากนี้ยังมองว่าหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า และตราสารหนี้ High Yield ยังคงน่าสนใจ

โดย บล.กรุงศรี มองว่าปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามในสัปดาห์นี้ มีทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ โดยให้ติดตามประชุมวิชาการประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ Jackson Hole ซึ่งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวปาฐกถาในวันที่ 22 ส.ค.นี้ นักลงทุนคาดใช้เป็นสัญญาณชี้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจับตา ได้แก่ ดัชนี PMI เดือน ส.ค. (21 ส.ค.) PMI ภาคการผลิต คาดใกล้เคียงเดิม 49.8 จุด และ PMI ภาคบริการ คาดใกล้เคียง 55.7 จุด และภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอดการสร้างบ้านใหม่เดือน ก.ค. คาด 1.298 ล้านยูนิต จากเดิม 1.321 ล้านยูนิต และยอดขายบ้านมือสอง คาด 3.9 ล้านยูนิต จากเดิม 3.93 ล้านยูนิต

ในส่วนของจีน ติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของ PBOC ในวันที่ 20 ส.ค. โดยตลาดคาดว่าจะคงที่ทั้ง 1 ปีที่ 3.0% และ 5 ปีที่ 3.5%

สำหรับตลาดหุ้นโลก นักลงทุนยังรอการประกาศ ผลการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE (Rebalance) ในวันที่ 22 ส.ค. โดยไทยจะทราบผลในเช้าวันที่ 23 ส.ค.

ด้านปัจจัยภายในประเทศ โฟกัสไปที่ตัวเลข GDP ไตรมาส 2/68 โดยจะมีการประกาศในวันนี้ (18 ส.ค.) คาดตลาดโต 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ 3.1% และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาก รวมถึงตัวเลขการส่งออก–นำเข้า เดือน ก.ค. ที่ยังไม่มีคาดการณ์ จากงวดก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.5% และเพิ่ม 13.1% ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ภาพรวมผลประกอบการบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น (SET EPS) ปี 2568 ตามคาดการณ์ อยู่ที่ 89.17 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับจากสัปดาห์ก่อนหน้า ปรับขึ้นในกลุ่มบรรจุภัณฑ์และอาหาร ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีและบันเทิงถูกปรับลดลง

ด้านกระแสเงินทุน (Fund Flow) สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินทุนไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยมีเงินทุนไหลออกสุทธิ 324 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นขายหุ้น 83.5 ล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตร 240.2 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 32.45 บาท/ดอลลาร์

สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์แนะนำ  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB คาดแรงส่งจากความชัดเจน ส.ส. ผ่านร่างงบประมาณปี 2569 โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 28 บาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แนวทางใช้ดอกเบี้ยขาลงช่วงปลายเน้นเป้าลูกหนี้ SMES + ครัวเรือน บวกคุณภาพสินทรัพย์เปิด Upside ต่อ SCB ที่มีสัดส่วนหนี้ดังกล่าวสูง โดยแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 145 บาท

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ความชัดเจน ส.ส. ผ่านร่างงบประมาณปี 2569 โดยแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 80 บาท

Back to top button