BDMS เด้ง 2% โบรกชี้ Q3 โตแรง รับรายได้ผู้ป่วย “โรคระบาดหน้าฝน”

BDMS เด้ง 2% โบรกคาดไตรมาส 3/68 โตแรง ตอบรับปัจจัยหนุนผู้ป่วยเพิ่มจากโรคระบาดช่วงฤดูฝน และผู้ป่วยโรคซับซ้อน หนุนกำไรขั้นต้นเติบโตราว 35-37%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ส.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ณ เวลา 10:29 น. อยู่ที่ระดับ 21.30 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 1.91% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 21.30 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 20.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 329.69 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/68 ของ BDMS ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาลกำไรสุทธิรายงานที่ 3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน, ลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยนอกฤดูกาล ส่งผลให้จํานวนผู้ป่วยลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้ผู้ป่วยตะวันออก กลางและยุโรปเติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ

โดยประกอบกับผู้ป่วย ชาวไทยที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักเติบโตชะลอที่ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (ยอดผู้ป่วยไข้หวัด และ Covid-19 ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ขณะที่ EBITDA Margin ทรงตัวอยู่ที่ 23% (เพิ่มขึ้น 1 ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) และอัตราค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 19% (เพิ่มขึ้น 1 ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) จากสิทธิประโยชน์ BOI ที่ลดลง

แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/68 คาดเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คาดกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/68 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้จะมีฐาน สูงด้วยจํานวนผู้ป่วยโรคระบาดที่มากในปี 2567 และแนวโน้มรายได้กลุ่ม CLMV ที่อ่อนแอ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ คาดการเติบโตยังคงมีปัจจัยหนุนจาก 1.) ปัจจัยฤดูกาล ด้วยโรคระบาดหลังฤดูฝน เช่น ไข้เลือดออก และไข้หวัด ใหญ่ ประกอบกับเป็นช่วงเปิดภาคเรียน ซึ่งมีแนวโน้มหนุนจํานวนผู้ป่วย สูงขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 2.) แนวโน้มการเติบโตของสัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อน หนุนอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตที่ 35-37%

รายได้จากผู้ป่วยกัมพูชาในไตรมาสที่ 2/68 ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีปัญหาข้อพิพาทชายแดน ถึงแม้นักวิเคราะห์มองว่าผู้ป่วยกัมพูชามีผลกระทบต่อรายได้ที่ จํากัด (คิดเป็น 3% ของรายได้ทั้งหมด) แต่มีแนวโน้มว่าหากปัญหา ชายแดนมีความยืดเยื้ออาจส่งผลต่อรายได้ในกลุ่ม CLMV ลดลงตาม จากความกังวลในภูมิภาค โดยอ้างอิงจากรายงานรายได้กลุ่ม CLMV ในไตรมาสที่ 2/68 และเดือน ก.ค.ที่หดตัว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ

นักวิเคราะห์ คงคาดการณ์การเติบโตกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 5% หนุนจากแนวโน้ม การเติบโตของผู้ป่วยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยรายได้หลักในครงแรกปี 68 รายงานที่ 5.5 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามที่เราคาด คิดเป็น 48% ของคาดการณ์ปี 2568 ขณะที่ EBITDA Margin คาดทรงตัวระดับสูงที่ 24-25%

โดย บล. พาย คงคำแนะนํา “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 26 บาท คำนวนโดยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วยสมมติฐาน COE 8% และ TG 4% เทียบเท่า PE ที่ 25 เท่า โดย BDMS มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่น่าสนใจซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 68 ที่ 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งที่ 16 เท่า และ P/E ปี 68 ที่ 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีของบริษัทที่ 35 เท่าและใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ กลุ่มโรงพยาบาล

Back to top button