“พงศ์ภัทร” ชี้ SET รีบาวด์ รับ GDP โตเกินคาด-งบปี 69 ผ่านสภา แนะเก็บแบงก์-บิ๊กแคป

“พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์” ชี้ SET รีบาวด์ ได้แรงหนุนจาก GDP ไตรมาส 2/68 โต 2.8% เกินคาด พ่วงร่างงบประมาณปี 69 ผ่านสภา และคาดจีนอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นธนาคาร BBL–TTB เสริมพอร์ตบิ๊กแคปเด่น ADVANC, BCPG, GULF, SCC, TIDLOR


นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน Research Department, InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (18 ส.ค.2568) ว่า ประเมินตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีแนวโน้มรีบาวด์ หลังจากดัชนีปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วัน โดยแรงขายจากทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างชาติออกมาไม่มากนัก

ขณะเดียวกันล่าสุดรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2568 ของไทยออกมาที่ 2.8% สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.5% และไตรมาสแรกที่ 3.1% ก็ออกมาดีกว่าประมาณการ สะท้อนโมเมนตัมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกแข็งแกร่งกว่าที่คาด ส่วนใหญ่มาจากภาคการส่งออก

ดังนั้นดัชนีตลาดเคยทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1,280 จุด มาแล้ว 2 ครั้ง และขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,283 จุด ระยะสั้นหากตลาดสามารถยืนเหนือ 1,250 จุดได้ เทรนด์อาจจะยังไม่เปลี่ยนและมีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบโซน 1,280 จุด หรือแนวต้านถัดไปที่ 1,300 จุด อีกครั้ง แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,250 จุด ก็อาจจะลงไปที่ 1,230 จุดได้

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามระยะสั้น อาทิ ราคาน้ำมันสถานการณ์ยูเครนดูเหมือนจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หากสงครามสงบลง ถือเป็นปัจจัยบวกในภาพรวม แม้ว่าอาจจะกดดันราคาน้ำมันในระยะสั้นได้ส่งผลต่อตลาดหุ้น

อีกทั้ง พ.ร.บ. งบประมาณได้ ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว ทำให้เม็ดเงินจำนวน 3.78 ล้านล้านบาท มีโอกาสที่จะหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยลดความกังวลว่าจะมีปัญหาทางการเมืองที่ทำให้งบประมาณล่าช้า

นอกจากนี้มีประเด็นการเมืองไทยเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีในช่วงปลายเดือนสิงหาคม (29 สิงหาคม) เป็นสิ่งที่ต้องจับตา แต่อย่างไรก็ตามมองว่าหากมีการยุบสภาตลาดมักจะตอบสนองในเชิงบวกในระยะสั้น และมองว่ารัฐบาลอาจจะยังไม่ยุบสภาหากไม่จำเป็นจริงๆ เพื่อต้องการทำคะแนนเสียงให้ดีกว่านี้ก่อน

อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ผ่านมาของจีน (เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 5.7% และยอดค้าปลีกขยายตัว 3.5% ซึ่งต่ำสุดของปี) ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตามมองอีกแง่หนึ่งคือ รัฐบาลจีนมีโอกาสที่จะทยอยอัดฉีดเงินเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

ด้านกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ หลังบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว กลุ่มที่น่าสนใจและมีโอกาสที่กระแสเงินจะไหลเข้ามาคือ กลุ่มธนาคาร (แบงค์) เนื่องจาก Valuation ยังไม่แพง และบางตัวมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เช่น BPL และ TTB นอกจากนี้มีกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกในครึ่งปีหลัง ได้แก่ ADVANC, BCPG, GULF, SCC, และ TIDLOR

Back to top button