PTTGC-SCC ท็อปพิกกลุ่ม “ปิโตรเคมี-โรงกลั่น” ลุ้นธุรกิจฟื้นรับ “เกาหลีใต้” ลดกำลังผลิต

PTTGC-SCC ท็อปพิกกลุ่มปิโตรเคมี-โรงกลั่นไทย หลังเกาหลีใต้ประกาศลดกำลังผลิตปิโตรเคมี 18-25% ต่อปี คาดหนุนฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์


บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึงข่าวผู้ผลิตปิโตรเคมี (Naphtha crackers) ขั้นนำในประเทศเกาหลีใต้ 10 ราย ยกตัวอย่าง LG Chem, GS Caltex, Lotte Chemical ได้ลงนามในข้อตกลงลดกำลังการผลิตรวม 2.7-3.7 ล้านตัน/ปี (คิดเป็น 18-25% ของกำลังการผลิตปิโตรเคมีรวมในเกาหลีใต้) เพื่อปรับโครงสร้างการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล

โดยบริษัทต่างๆ จะต้องนำเสนอแผนการการปรับลดกำลังการผลิตต่อรัฐบาลภายในปลายปี 2568 เพื่อรับการสนับสนุนทางการเงินและมาตราการช่วยเหลืออื่นๆจากภาครัฐ ซึ่งการลดกำลังการผลิตดังกล่าว จะช่วยลดภาวะอุปทานส่วนเกินของปิโตรเคมีทั้ง สายโอเลฟินส์, สายอะโรเมติกส์, และสายโพลีเอสเตอร์ (PET) รวมทั้งอาจส่งผลให้ต้นทุนแนฟทาถูกลง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ขณะที่ แนวโน้มที่ดีขึ้นของ ตลาดปิโตรเคมี น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อ กลุ่มโรงกลั่น ที่มีการผลิตปิโตรเคมีและกลุ่มปิโตรเคมีในประเทศไทย อาทิ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ชอบ PTTGC และ SCC มากที่สุดในกลุ่ม

ส่วนความเห็นจาก มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) มองว่าบริษัทเคมีภัณฑ์ของประเทศอินเดียและประเทศไทยน่าสนใจมากที่สุด โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายและแนวคิดที่ต่อต้านการหดตัวทางเศรษฐกิจของจีน (anti-involution) รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างในห่วงโซ่โอเลฟินส์ที่ประเทศเกาหลีใต้

ขณะเดียวกันมองว่าเอเชียใต้ได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ในประเทศและความได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงจุดเปลี่ยนของกระแสเงินสดอิสระ ซึ่งน่าจะเปลี่ยนจุดสนใจของนักลงทุนจากผลประกอบการไปสู่การแก้ไขงบดุล โดย มอร์แกน มองหุ้น Sinopec, Rongsheng, PTTGC, Petronas Chemical, Reliance, GAIL, Tata Chemicals และ PI จะได้รับความสนใจในหมู่นักลงทุนมากที่สุด

Back to top button