SCB EIC ชี้อุปสงค์ปูนซีเมนต์ปี 68 หดตัว 5.5% เซ่นเอกชนชะลอโครงการ

SCB EIC คาดอุปสงค์ปูนซีเมนต์ปี 68 หดตัว 5.5% เหตุโครงการก่อสร้างภาคเอกชนชะลอ แม้ภาครัฐยังโตแต่ไม่พอหนุนราคาเฉลี่ยปรับลดตามต้นทุนพลังงานโลก


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่า อุปสงค์การใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศไทยปี 2568 เผชิญแรงกดดันจากการก่อสร้างภาคเอกชนที่หดตัว ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์โดยรวมในประเทศปี 2568 คาดว่าอยู่ที่ 34.7 ล้านตัน หดตัว 5.5% จากปี 2567 โดยเป็นผลมาจากโครงการก่อสร้างภาคเอกชนที่หดตัวลง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ แม้ว่าโครงการก่อสร้างภาครัฐจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2567 แต่ก็เป็นการเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการหนุนให้ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวจากปีก่อนได้ โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง ที่อาจจะกระทบให้การจัดทำงบประมาณประจำปี 2569 รวมถึงการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ของภาครัฐล่าช้าออกไป ซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการใช้งานปูนซีเมนต์ในโครงการก่อสร้างภาครัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ไปจนถึงปีหน้าตามมา

ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์โดยเฉลี่ยของปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ที่ 1,809 บาท/ตัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มราคาพลังงานโลก ทั้งถ่านหินและน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการผลิตปูนซีเมนต์ และแนวโน้มอุปสงค์การใช้งานในภาคก่อสร้างที่ลดลง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่

โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการควบคุมมาตรฐานการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ไทย

ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยมีการพัฒนาปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ที่สามารถลดกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากการเผาไหม้ปูนเม็ดที่ก่อให้เกิดการปล่อย CO2 นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทางเลือก รวมถึงการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการใช้เตาเผาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และเป็นโอกาสขยายฐานลูกค้า ทั้งภาครัฐที่มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการลดการปล่อย CO2 เพื่อสร้างความยั่งยืน และเทรนด์ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ทั้งนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้เกิดความตระหนักถึงการควบคุมและการตรวจสอบคุณภาพของวัสดุก่อสร้างให้ได้ตามมาตรฐานมากขึ้น โดยในส่วนของปูนซีเมนต์ที่นอกจากจะต้องมีการผลิตให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมแล้ว ผู้ผลิตปูนซีเมนต์อาจยังต้องสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่อยู่ในเครือและคู่ค้า เพื่อควบคุมมาตรฐานไปถึงการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ เนื่องจากเป็นสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกันกับปูนซีเมนต์ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อถือในคุณภาพ และตราสินค้าจากผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างด้วยเช่นกัน

Back to top button