
“พบชัย” ชี้ SET ได้แรงหนุนการเมืองชัด–มาตรการคนละครึ่ง ชูหุ้นค้าปลีก–ท่องเที่ยวเด่น
“พบชัย ภัทราวิชญ์” มองตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ความชัดเจนทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ “คนละครึ่ง” ที่คาดหนุน GDP เพิ่ม 0.13% แนะลงทุน 3 ธีมเด่น ชูหุ้นค้าปลีก–เครื่องดื่มจาก “คนละครึ่ง” พ่วงหุ้นท่องเที่ยว–นิคมฯรับอานิสงส์กระตุ้นเศรษฐกิจ และเลือกหุ้นอสังหาฯ–ไฟแนนซ์–โรงไฟฟ้าได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ได้รับอานิสงส์จากความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลคุณอนุทิน โดยมีเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน จึงต้องเร่งเดินหน้ามาตรการที่เคยใช้แล้วได้ผล เช่น มาตรการเน้นการลดค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพเป็นหลักมากกว่าการเพิ่มรายได้
โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่ง คาดว่าจะถูกนำมาปัดฝุ่นหรือต่อเนื่องเป็นเฟสใหม่ (5 เฟส) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน นอกจากนี้นโยบายด้านความมั่นคงหลักๆการแก้ปัญหาพิพาทไทย–กัมพูชา และการใช้ “รัฐมนตรีคนนอก” ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อคลี่คลาย ขณะที่มาตรการบรรเทาภัยพิบัติและภัยสังคมยังต้องติดตามการเยียวยาที่จะออกมาเพิ่มเติม
โดยประเมินว่ามาตรการ “คนละครึ่ง” คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบราว 30,000–50,000 ล้านบาท หนุน GDP เพิ่มขึ้นราว 0.13% แม้ตัวเลข GDP ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการนี้ดูไม่มากนัก แต่ก็ถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง ภายใต้กรอบระยะเวลาการบริหารงานที่จำกัด 4 เดือน
ดังนั้นความชัดเจนทางการเมือง น่าจะหนุนให้ Fund Flow ที่เคยไหลเข้าและไหลออก มีโอกาสกลับเข้ามาได้อีกครั้ง โดยตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการตอบรับในเชิงบวกต่อหน้าตาของคณะรัฐมนตรีและการนำมาตรการเดิมมาใช้ โดยมองว่า SET มีโอกาสขึ้นไปได้ถึง 1,285 และหากทะลุไปได้อาจไปต่อถึง 1,300 จุด ส่วนกรอบล่างคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,250-1,255 จุด
อย่างไรก็ตามด้วยระยะเวลาที่จำกัดของรัฐบาลชุดนี้ คาดว่าจะยังไม่ทันประกาศโครงการลงทุนขนาดใหญ่ใหม่ๆ เพราะจะสร้างภาระผูกพันให้กับรัฐบาลชุดถัดไป โครงการที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติจะเน้นการชดเชยหรือซ่อมบำรุงในส่วนที่เสียหายมากกว่า
สำหรับธีมการลงทุนได้แก่
-ธีมเก็งกำไรหุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากมาตรการ “คนละครึ่ง” ได้แก่ TNP ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งภูธร,กลุ่มเครื่องดื่ม CBG ,OSP, HTC และ ICHI
– ธีมการลงทุนที่ได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกแนะนำ CPALL และ GLOBAL, กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ CENTEL , กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA
-ธีมการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง จะเห็นว่าจากรายงานตัวเลขของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่ ทำให้ตลาดคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มดอกเบี้ยของไทยก็เป็นขาลงเช่นกันกลุ่มหุ้นที่แนะนำ หุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP และ SPALI ,หุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ แนะนำ KTC และหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าแนะนำ GPSC