CGSI แนะซื้อ CKP อัพกำไรปี 68-69 พ่วงเป้าใหม่ 3.70 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (CGSI) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP มีแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 แข็งแกร่งตามฤดูกาล โดยคาดว่ากำไรครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วนสูงกว่า 60% ของทั้งปี และจะไม่ขาดทุนสุทธิในทุกไตรมาส เหมือนเช่นในปี 2564-2565 ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากระดับน้ำของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) ที่อยู่ในเกณฑ์สูง ช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูมรสุม โดยคาดปริมาณขายไฟฟ้าในไตรมาส 3/2568 จะเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 54% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ขณะเดียวกัน การพยากรณ์ ENSO ของสถาบัน International Research Institute for Climate and Society (IRI) ชี้ว่า มีโอกาสสูงที่จะเกิดลานีญา (La Niña) ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569 ซึ่งเป็นผลบวกต่อการผลิตไฟฟ้าของ CKP เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2567-ไตรมาส 1/2568 อีกทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทลง 11-15% ในช่วงปี 2568-2570

อย่างไรก็ดี โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงใหญ่และอาจมีการหยุดผลิตนอกแผน จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าลดลงราว 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ผลกระทบจะถูกชดเชยด้วยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ NN2 และ XPCL

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิหลักของ CKP ขึ้น 50% ในปี 2568, 22% ในปี 2569 และ 18% ในปี 2570 จากเดิม พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 3.70 บาท จากเดิม 3.30 บาท และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่า CKP มี EBITDA margin สูงที่สุดในอุตสาหกรรม มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นเป็น 7% จาก 5% ในปี 2567 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% จากสมมติฐานเดิม 3% สะท้อนกำไรและกระแสเงินสดที่มั่นคงขึ้น

อย่างไรก็ตาม downside risk ของ CKP คือการพึ่งพารายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นหลัก และการแข่งขันจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงประเภทอื่น แต่ upside risk จะอยู่ที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สูงกว่าคาดและการเปิดเชิงพาณิชย์โครงการใหม่ได้เร็วกว่ากำหนด