
CGSI ชู CPAXT รับอานิสงส์ “คนละครึ่ง” ดันรายได้ Q4 โตกระฉูด
“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” ประเมินโครงการ “คนละครึ่ง” รอบใหม่ คาด CPAXT ได้ประโยชน์สูงสุดจากการขายส่งให้ร้านโชห่วยหนุนรายได้ช่วงไตรมาส 4 เติบโตโดดเด่น แนะนำซื้อหากราคาอ่อนตัวลง
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า รัฐบาลใหม่มีรายงานเตรียมฟื้นโครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก่อนการเลือกตั้ง โดยมุ่งหวังกระตุ้นการบริโภค ลดภาระค่าครองชีพ และเพิ่มยอดขายให้ร้านค้ารายเล็ก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดเงื่อนไขเหมือนยุครัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่เปิดสิทธิแก่ผู้ประกอบการ modern trade หรือไม่
โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT จะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากรายได้ประมาณ 22% ของธุรกิจ Makro ในไทย หรือราว 11% ของรายได้รวมของ CPAXT ในครึ่งแรกปี 2568 มาจากการจำหน่ายสินค้าให้ร้านโชห่วย โดยในโครงการคนละครึ่งเฟส 1-2 ช่วงไตรมาส 4/2563 ถึงไตรมาส 1/2564 ยอดขายกับลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ Lotus’s อาจได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคหันไปซื้อจากโชห่วย แต่ผลบวกจากธุรกิจ Makro มีมากกว่าผลลบ
สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มีความเสี่ยงด้านยอดขาย เนื่องจากร้าน 7-Eleven แข่งขันโดยตรงกับร้านโชห่วยในสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นสินค้าหลักในโครงการ โดยคาดว่าผลกระทบต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะอยู่ที่ -3% ถึง -5% ขณะที่บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC มีร้านโดนใจในเครือ BigC ที่อาจได้อานิสงส์เพิ่มยอดขาย แต่สัดส่วนรายได้เพียง 2% ของ BigC ในครึ่งแรกปีนี้ จึงไม่เพียงพอชดเชยส่วนแบ่งตลาด hypermarket ที่อาจหดตัว
ขณะที่ผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่อื่น เช่น CRC, DOHOME, HMPRO และ GLOBAL คาดว่าผลกระทบจำกัด เนื่องจากสิทธิใช้จ่ายถูกจำกัดไว้ไม่เกิน 150 บาท/วัน ทำให้เน้นซื้อสินค้าอาหารและของใช้จำเป็นที่ไม่กระทบยอดขายมากนัก ขณะที่ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง OSP และ CBG คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ โดย OSP อาจได้ประโยชน์มากกว่าจากพอร์ตสินค้าที่หลากหลายและหลายระดับราคา
โดยโครงการคนละครึ่งเป็นเพียงมาตรการช่วยเหลือระยะสั้น ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง หากไม่มีมาตรการเพิ่มผลิตภาพและรายได้ที่ยั่งยืน การบริโภคภาคเอกชนอาจกลับมาอ่อนแรงหลังสิ้นสุดโครงการ สำหรับ CPAXT การเติบโตอาจสะดุดจากฐานที่สูง ส่วน CPALL แม้กำไรระยะสั้นเผชิญแรงกดดัน แต่ราคาหุ้นที่อาจปรับตัวลงกลับเป็นจังหวะเข้าซื้อในมุมมองการลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ CGSI แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน” กลุ่มอุปโภคบริโภค โดยมองว่าความเสี่ยงเชิงบวกอยู่ที่การบริโภคฟื้นเร็วกว่าคาดหลังโครงการสิ้นสุด และนโยบายรัฐบาลใหม่ที่มุ่งกระตุ้นการบริโภคอย่างยั่งยืน ส่วนความเสี่ยงเชิงลบอยู่ที่โครงการเฟสใหม่ยังคงเงื่อนไขเดิม และการบริโภคอ่อนแรงเมื่อสิ้นสุดการอุดหนุนจากรัฐ