
XBIO เซ็นบิ๊กดีล Aether สหรัฐ รุกศึกษา “บิตคอยน์” ส่งซิกรายได้อาหารปีนี้แตะ 250 ล้านบาท
XBIO ลงนาม Aether Holding สหรัฐฯ ศึกษากลยุทธ์ลงทุน “BitCoin Treasury Strategy” ผ่านการเปิดช่องซื้อหุ้น-เพิ่มทุน-หุ้นกู้แปลงสภาพ หวังสร้าง New S Curve ใหม่ เพิ่มความหลากหลายฐานรายได้ ลุ้น Turnaround ปี 69 ส่วนธุรกิจอาหารมองรายได้ปีนี้ แตะ 250 ล้านบาท
นางสาวเสาวณีย์ ขาวอุบล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์ ไบโอไซเอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ XBIO เปิดเผยว่า XBIO ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Aether Holding Inc. บริษัทมหาชนจากสหรัฐอเมริกา ที่มีฐานจดทะเบียนใน Nasdaq ในวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมมือด้านกลยุทธ์การลงทุน โดยมีเป้าหมายในการศึกษาและพัฒนา “BitCoin Treasury Strategy” หรือแผนการบริหารคลังเงินด้วย บิตคอยน์ โดยการนำเงิน บางส่วนไปถือครอง BTC
สำหรับในข้อตกลงดังกล่าว Aether Holding จะเข้ามามีบทบาทในการให้คำแนะนำด้านการวางโครงสร้างและการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะดำเนินการ Due Diligence ร่วมกันโดย Aether Holding จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องของ XBIO ภายใต้เงื่อนไขความลับทางธุรกิจ
ทั้งนี้ การลงทุนอาจอยู่ในหลายรูปแบบ เช่น การเพิ่มทุนแบบ Private Placement (PP) หุ้นกู้แปลงสภาพ หรือ รูปแบบการลงทุนอื่นๆ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดย MOU นี้ มีผลบังคับใช้นับจากวันที่ลงนามโดย Aether Holding จะได้รับสิทธิ์ในการเจรจาแบบ Exclusive เพียงรายเดียว หากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงจะเป็นก้าวสำคัญของ XBIO ในการเปิดทางสู่แหล่งเงินทุนจากต่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตด้านนวัตกรรมการเงิน
“Aether Holdings, Inc. (NASDAQ:ATHR) เป็นบริษัทพัฒนาระบบการลงทุนและจัดการข้อมูลทางการเงิน ก่อตั้งขึ้นด้วยเป้าหมายสร้างแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตลาดการเงิน โดยใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบ SentimentTrader.com เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น” นางสาวเสาวณีย์ กล่าว
สำหรับโมเดลธุรกิจ (Business Model) ของ Aether Holdings ประกอบด้วย 1.) Financial Technology Platform ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนผ่าน Sundial Capital Research, Inc. และ SentimenTrader.com
2.) Alpha Edge Media บริหารสื่อด้านการลงทุน และเผยแพร่บทวิเคราะห์การเงินผ่านรูปแบบ Newsletter และ Content การเงิน และ 3.) Aether Grid Inc. ลงทุนและบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานดิจิทัลและศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี และ 4.) Aether Labs Inc. ศูนย์วิจัยและพัฒนาด้าน AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการเงิน
โดยมี Mr. Nicolas LIN (Nicolas Kuan Liang) ดำรงตำแหน่ง Chairman และ CEO ซึ่งมีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีการเงินและการลงทุนระดับสากล ซึ่งแผนการลงทุนล่าสุด เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประกาศว่าจะนำเงิน 85% ของรายได้สุทธิ (~34 ล้านดอลลาร์) ไปลงทุนซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บเป็นสินทรัพย์สำรอง (Treasury) ส่วนที่เหลืออีก 15% จะนำไปใช้ในการดำเนินงานและพัฒนาธุรกิจ
สำหรับเป้าหมายในอนาคต Aether Holdings เตรียมขยายฐานรายได้จากธุรกิจแพลตฟอร์มวิเคราะห์การเงินและสื่อด้านการลงทุน พัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center) รองรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สร้างความแข็งแกร่งด้านการถือครอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรอง เพื่อลดความผันผวนจากตลาดทุน
แม้ปัจจุบันธุรกิจหลักของ XBIO ยังคงเป็นธุรกิจอาหาร ซึ่งอยู่ในช่วงที่ท้าทาย แต่การร่วมมือ (MOU) ดังกล่าว จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงินของ XBIO อีกทั้งช่วยเพิ่มความหลากหลายของฐานรายได้ พร้อมเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างโอกาสในการพลิกฟื้นธุรกิจ และมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเส้นทางการเติบโตใหม่ (New S Curve)
ด้านปัจจัยหลักที่ XBIO เลือกดำเนินการร่วมมือครั้งนี้ มาจากความเชื่อมั่นในศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ Ater Holding ในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบกับการมองเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท
“XBIO มองว่าตลาดบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าลงทุนในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว รวมถึงเสริมศักยภาพการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม มองว่าหากจะขยายไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ยังขึ้นอยู่กับข้อจำกัดด้าน กฎหมาย และกรอบการกำกับดูแลว่า XBIO สามารถดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดและในรูปแบบใด ซึ่งต้องรอความชัดเจนด้านจึงจะสามารถพิจารณาการลงทุนในระดับอื่น ๆ ได้
นางสาวเสาวณีย์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่ XBIO กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ายอดขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะในธุรกิจด้านอาหารเผชิญความท้าทายและมีความเหนื่อยยากอยู่พอสมควร
XBIO จะพยายามดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการร่วมมือดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะสามารถเปิดเผยความคืบหน้าเพิ่มเติมได้ภายในปี 2568 พร้อมกับมีความคาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ (Turnaround) ช่วงปี 2569
ขณะที่ ทิศทางในอนาคตของ XBIO จะยังคงดำเนินธุรกิจในกลุ่มอาหารต่อไป โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจหลัก พร้อมยังคงรักษาการดำเนินงานของสาขาและแบรนด์ที่มีอยู่
“XBIO จะยังคงดำเนินการภายใต้แบรนด์เดิม แต่ได้ปรับกลยุทธ์ไปเน้นบริการด้านเดลิเวอรีและงานจัดเลี้ยง (Catering) มากขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมราคาให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายกว่า ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งเน้นไปที่การขยายบริการเดลิเวอรีและจัดเลี้ยงเป็นหลัก” นางสาวเสาวณีย์ กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซัน (High Season) ของธุรกิจอาหาร XBIO ตั้งเป้าที่จะผลักดันยอดขายให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 250 ล้านบาท ต่อปี
“วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ XBIO ในการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ที่ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักด้านอาหาร แต่ยังเปิดโอกาสในการขยายสู่ธุรกิจแห่งอนาคตอย่างสินทรัพย์ดิจิทัล เราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และสังคมโดยรวม” นางสาวเสาวณีย์ กล่าวทิ้งท้าย