“อนุทิน” นำทัพถก “สภาตลาดทุน” ปลุกกระทิงหุ้นไทยพรุ่งนี้!

“นายกหนู” นำทีมเศรษฐกิจ “เอกนิติ-ศุภจี-อรรถพล-วรภัค“ หารือ FETCO หวังปลุกกระแสตลาดหุ้นไทย 25 ก.ย.นี้ จับตา “โปรแรง” เว้นภาษีปันผล พ่วงลดหย่อนเงินได้บุคคล!?


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.68)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเข้าหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.68) เวลา 10:00 น. เกี่ยวกับ“ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและภาคตลาดทุนกับการเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ (17 ก.ย.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธาน FETCO กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลใหม่เริ่มทำงานแล้ว ทางสภาตลาดทุนไทยพรัอมด้วยสมาชิกทั้ง 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA) จะเข้าพบ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เพื่อขอหารือในการหาแนวทางกระตุ้นเศรฐกิจและตลาดทุนไทย

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัว ดัชนีพุ่งขึ้นเกือบ 250 จุด หรือกว่า 24% จากระดับ 1,060 จุดในเดือนมิถุนายน มาที่เหนือ 1,300 จุดในปัจจุบัน แต่หากเทียบตั้งแต่ต้นปี 2568 ดัชนียังติดลบเกือบ 100 จุด หรือ -7% ขณะที่ตลาดโลกปรับขึ้นเฉลี่ย 15%, ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets) บวก 23% และตลาดหุ้นเวียดนามบวกแรงถึง 32% หากนับตั้งแต่ปี 2566 ตลาดหุ้นเวียดนามทะยานขึ้นถึง 68% ในขณะที่ไทยติดลบ 22% เท่ากับล้าหลังกว่าเวียดนามถึง 90%

อีกทั้งยังระบุว่า ปัญหาของตลาดหุ้นไทยไม่ใช่เพียงการปรับตัวลงของดัชนี แต่คือการสูญเสียบทบาทการเป็น “แหล่งระดมทุน” ให้ภาคธุรกิจ โดยในอดีตช่วงตลาดขาขึ้น (ปี 2556–2565) มีมูลค่าการระดมทุนสูงเฉลี่ยปีละ 3 แสนล้านบาท บางปีแตะเกือบ 5 แสนล้านบาท แต่ในครึ่งแรกปี 2568 การระดมทุนเหลือเพียง 2.3 หมื่นล้านบาท และไม่มีบริษัทใด IPO ในกระดาน SET เลย

นอกจากนี้ หนึ่งในปัญหาหลักคือ ตลาดหุ้นไทยมีนักลงทุนระยะสั้นมากเกินไป นอกจากทำให้ตลาดหุ้นผันผวนสูง ยังทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนมูลค่าระยะยาวของกิจการเท่าที่ควร ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ในการระดมทุน ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนระยะสั้น ที่เน้นเทรดดิ้ง มากกว่าถือระยะยาว คาดมีสัดส่วนสูงถึง 70-75% ของมูลค่าซื้อขาย ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยมีสภาพเหมือน trading market มากกว่า ตลาดเพื่อการลงทุน

“สิ่งแรกที่อยากได้จากรัฐบาลอนุทิน คือการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นรากฐานสำคัญในการทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน” นายไพบูลย์ กล่าว

สำหรับข้อเสนอในการเพิ่มนักลงทุนระยะยาว ประกอบด้วย

  1. ยกเว้นภาษีเงินปันผลสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย และถือหุ้นเกิน 1 ปี
  2. ให้วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตรงในตลาดหุ้น คนละ 500,000 บาท ต่อปี โดยต้องคงเงินลงทุนไว้ในตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่สามารถซื้อขายเพื่อสับเปลี่ยนตัวหุ้นได้
  3. สนับสนุนการลงทุนในกองทุน Thai ESG คนละ 300,000 บาท เหมือนเดิมต่อไป แต่ให้ทำแบบถาวร เพื่อไม่ให้กลายเป็นระเบิดเวลาเหมือนกองทุน LTF ที่ผ่านมา
  4. ดึงเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทประกันชีวิต โดยลดค่าความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จาก 25% เหลือ 10% เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มนำหน้กการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และ
  5. สร้างแรงจูงใจให้องค์กรภายใต้การบริหารของภาครัฐ เช่น สำนักงานประกันสังคม สำนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพิ่มนำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

“ถ้ารัฐบาลนายกฯ อนุทิน สนับสนุนให้เกิดการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทย ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ โอกาสที่จะเห็นตลาดหุ้นไทยกลับสู่ขาขึ้นแบบยั่งยืน และกลับมาทำหน้าที่แหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ น่าจะมีโอกาสสูงมาก” นายไพบูลย์ กล่าว

Back to top button