“ฐกฤต” ลุ้น SET ทดสอบ 1,300 จุด รับ 3 ปัจจัย “นโยบายรัฐ-งบปี 69-ท่องเที่ยว Golden Week”

“ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์” มอง SET หากผ่านแนวต้าน 1,296 จุด มีโอกาสแตะ 1,300 จุด แนะจับตางบประมาณปี 2569 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วมกับเม็ดเงินจาก Golden Week จีนหนุน


นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และนักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (26 ก.ย.68) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ หากสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,296 จุดได้ จะมีโอกาสปรับขึ้นสู่แนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,300 จุด โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือตลาดไม่ควรปรับตัวต่ำกว่าแนวรับ 1,280 จุด ซึ่งหากยืนได้จะถือว่าการอ่อนตัวระหว่างสัปดาห์เป็นเพียงการปรับฐานทางเทคนิค

ทั้งนี้ ปัจจัยลบในระยะสั้น เช่น การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาล รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และไม้ รวมไปถึงประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ตลาดจะให้น้ำหนักมากนัก แต่สิ่งสำคัญคือปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะเม็ดเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และการเข้าพบหารือระหว่างรัฐบาลกับกองทุนขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ตลาดในระยะต่อไป

นายฐกฤต กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 29 กันยายนนี้ รัฐบาลจะมีการแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนักลงทุนเก็งกันว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงลึก โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยว การลดราคาพลังงาน และการลดค่าครองชีพ ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญ ขณะเดียวกันต้นเดือนตุลาคมจะเริ่มเห็นผลจากงบประมาณปี 2569 ที่จะทำให้แต่ละกระทรวงมีงบประมาณอัดฉีดเข้าสู่เศรษฐกิจได้จริง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการบริโภคและการลงทุนในไตรมาส 4

อีกปัจจัยบวกสำคัญคือเทศกาล Golden Week ของจีน ระหว่างวันที่ 1-8 ตุลาคม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 25,000-30,000 คน รวมกว่า 300,000 คนในช่วงเทศกาลดังกล่าว ซึ่งจะสร้างรายได้สะพัดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ถือเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น

สำหรับหุ้นเด่นที่น่าสนใจแนะนำ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่ราคาหุ้นอ่อนตัวกว่าตลาด โดยตั้งแต่ต้นปีผลตอบแทนติดลบ 14% เทียบกับตลาดที่ติดลบเพียง 6-7% อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นที่ครอบคลุมทั่วประเทศและการลงทุนในเครือซีพี

พร้อมด้วย กลุ่มท่องเที่ยวและสนามบิน ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่ได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร (PSC) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยเฉพาะบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาก่อนหน้า แต่มีโอกาสฟื้นตัวจากการประชุมภาครัฐและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

ด้านหุ้นกลุ่มอื่น ๆ นายฐกฤตระบุว่าการเร่งตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารและประกันภัย แต่จะกดดันหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์และบริษัทที่มีหนี้สูงในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ตลาดยังคาดหวังว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 8 ตุลาคมจะมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งจะหนุนบรรยากาศการลงทุนในระยะกลาง

สำหรับกลุ่ม ปตท. นายฐกฤตมองว่าเป็นธีมหลักที่น่าสนใจ โดยมีปัจจัยบวกจากการแปลงสินทรัพย์ (Asset Monetization) เป็นกระแสเงินสด การไต่ระดับของราคาน้ำมัน และการขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 ตุลาคมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งจ่ายปันผล 0.90 บาทต่อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มจำกัดด้านลบ พร้อมมองแนวต้านสำคัญที่ 34-36 บาท หากผ่านระดับ 34 บาทได้จะมีแรงหนุนจากทั้งนักลงทุนสถาบันและต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อสุทธิ

นอกจากนี้ หุ้นในเครือปตท. อย่าง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยมองแนวต้านสำคัญที่ 37.5 บาท และหากผ่านได้อาจเห็นเป้าหมายทางเทคนิคที่ 40-40.5 บาทในระยะถัดไป

Back to top button