“ฐกฤต” มอง SET ฟื้นตัว รับแรงหนุนหุ้นเทคฯ-ลุ้น ครม. เคาะมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว–FDI

“ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์” มอง SET ฟื้นตัว กรอบ 1,275-1,297 จุด หลังแรงกดดันจาก  DELTA คลายตัว ขณะหุ้นเทคโนโลยีโลกฟื้น และคาดหวังผลประกอบการ TSMC หนุนบรรยากาศลงทุน จับตาครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งท่องเที่ยวและดึงดูด FDI หนุนกลุ่มนิคมฯ โรงไฟฟ้า และโรงแรม ขณะกลุ่มธนาคารเน้นหุ้นปันผล


นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และนักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (14 ต.ค.68) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงไป 27 จุดเมื่อวันศุกร์ จากผลกระทบของหุ้น DELTA คาดว่าแรงกดดันน่าจะน้อยลงในวันนี้

โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ที่แนวรับ 1,275–1,280 จุด และแนวต้าน 1,293–1,297 จุด พร้อมคาดว่าตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอาจมีมติออกมาตรการเศรษฐกิจใหม่ในสัปดาห์นี้ ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ ตลาดได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและชิป โดยเฉพาะความคาดหวังเชิงบวกต่อผลประกอบการของ TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งจะรายงานงบไตรมาส 3 ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากประกาศยอดขายเดือนก่อนออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งยังมีแรงคาดหวังจากการย้ายฐานการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ หากมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบด้านภาษีและต้นทุนที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านปัจจัยในประเทศหากที่ประชุม ครม. มีมติออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว คาดว่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรม ซึ่งจะได้รับอานิสงส์โดยตรง ขณะที่หุ้นสนามบิน เช่น AOT อาจได้อานิสงส์ในระดับจำกัด เนื่องจากมีแรงเก็งกำไรไปก่อนหน้า แต่ยังมีลุ้นจากประเด็นการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร (PSC) ส่วนกลุ่มสายการบิน แม้จะได้แรงหนุนจากมาตรการท่องเที่ยว แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัว

สำหรับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า มองว่าได้รับประโยชน์จากการลงทุน FDI และความต้องการพลังงานของกลุ่ม Data Center และ AI ที่เพิ่มขึ้น โดยไทยมีศักยภาพรองรับได้ดี หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ WHA, AMATA และ BGRIM ซึ่งมีโอกาสได้รับแรงซื้อจากกระแสลงทุนระยะกลางถึงยาว

ส่วนกลุ่มธนาคารคาดผลประกอบการครึ่งหลังปี 2568 จะทรงตัว โดยเป็นปีแห่งการจ่ายเงินปันผล (Dividend Play) เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงและเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แนะนำเลือกลงทุนรายตัว เช่น KTB ซึ่งคาดว่างบไตรมาส 3/68 โดดเด่นสุด และ SCB ที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูง

ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนตัวในไตรมาส 3/68 แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป โดยมีปัจจัยหนุนจากการประชุมของจีนระหว่างวันที่ 20–23 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจึงแนะนำกลยุทธ์ “ตั้งรับ–เทรดดิ้งสั้น” ในช่วง 1–2 สัปดาห์ข้างหน้า

Back to top button