“ฐกฤต” ชี้เฟดลดดอกเบี้ย-ทำ Technical QE หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ชูไฟแนนซ์–โรงไฟฟ้าเด่น

“ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์” มองเฟดลดดอกเบี้ยตามคาดควบคู่มาตรการ “Technical QE” กดบอนด์ยีลด์และดอลลาร์อ่อน หนุนบาทแข็ง เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย–ไทย แนะเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยลง กลุ่มไฟแนนซ์–โรงไฟฟ้า ชู MTC–SAWAD–GULF เด่น พ่วงหุ้นท่องเที่ยวสนามบิน–โรงแรม รับแรงหนุนไฮซีซั่นปลายปี


นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และนักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด วันนี้ (12 ธ.ค.68) โดยมีมุมมองต่อผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ล่าสุดว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ปัจจัยที่สร้างผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากคือมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น หรือ “Technical QE” ผ่านการเข้าซื้อบัตรเงินฝากคลัง (Treasury Bills) เดือนละประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม เป็นต้นไป

มาตรการ Technical QE ดังกล่าว แม้จะมีขนาดและความต่อเนื่องน้อยกว่า QE ในอดีตที่อัดฉีดเงินจำนวนมากพร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ก็ถือเป็นการเติมสภาพคล่องระยะสั้นเข้าสู่ระบบดอลลาร์ในลักษณะ “ปลายเปิด” ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีและ 10 ปี ปรับตัวลงราว 5–10 จุดเบส และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ สกุลเงินฝั่งเอเชียรวมถึงเงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นตาม และเอื้อให้สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นได้แรงหนุนจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น แม้ภาพดอกเบี้ยระยะกลาง–ยาวแทบไม่เปลี่ยนไปจากก่อนการประชุมก็ตาม

ด้านผลสะท้อนกลับมายังไทย นายธกิจมองว่า โอกาสที่เฟดจะอยู่ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมช่วงปลายปี เพื่อรับมือผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมภาคใต้และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

โดยกรุงศรี รีเสิร์ชประเมินไว้ล่วงหน้าแล้วว่าดอกเบี้ยไทยมีโอกาสลดลงอีกหนึ่งครั้ง ขณะเดียวกันการปรับตัวลงของยีลด์พันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับพันธบัตรไทย และเงินบาทที่แข็งค่าตามดอลลาร์ที่อ่อนลง เป็นแรงจูงใจสำคัญให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยหลายวันติดต่อกัน หนุนธีมหุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์อย่าง MTC ซึ่งมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ทั้งในไตรมาส 4 และปีหน้า และ SAWAD ที่มีโอกาสเข้าสู่ดัชนี SET50 รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ GULF ที่มีหนี้เงินตราต่างประเทศสูงและได้อานิสงส์โดยตรงจากเงินบาทแข็งค่าช่วยลดภาระหนี้ตามงบการเงิน

สำหรับภาพเศรษฐกิจมหภาค นายธกิจชี้ว่า การแข็งค่าของเงินบาทเป็นบวกต่อผู้นำเข้าหรือบริษัทที่มีหนี้เงินตราต่างประเทศสูง แต่กดดันเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่มส่งออก หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซน 31.5–31.6 บาทต่อดอลลาร์ลงไปใกล้ระดับ 31 บาท ภาคส่งออกและหุ้นในธีมส่งออกอาจเผชิญแรงกังวลเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ภาคท่องเที่ยวไทยยังถูกมองเป็นปัจจัยบวกสำคัญ เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซันในไตรมาส 4 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงต้นเดือนธันวาคมปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มจีน ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง 3 สัปดาห์และทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์

ขณะที่รัฐบาลยังมีแผนศึกษาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น Disneyland ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนระยะกลาง–ยาว ส่งผลให้หุ้นสนามบินและโรงแรม เช่น AOT ซึ่งถูกต่างชาติซื้อสุทธิมากที่สุดต่อเนื่อง 3 วัน รวมถึง CENTEL ที่มีพอร์ตโรงแรมในไทย 75% และ ERW ที่มีโรงแรมในไทย 83% ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในเชิงกลยุทธ์

Back to top button