
TISCO กำไร Q3 ทรงตัว 1.7 พันล้าน รับรายได้ค่าฟี-ต้นทุนลด
TISCO รายงานกำไรสุทธิ Q3/68 อยู่ที่ 1,730 ล้านบาท เติบโต 1% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,713 ล้านบาท หลังรายได้รวมโต 10.1% รับค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ขยายตัว จากการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย พร้อมต้นทุนเงินทุนลดลงตามดอกเบี้ยขาลง
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 1,730.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,713.43 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้รวมเติบโต 10.1% ประกอบด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 1.3% จากต้นทุนเงินทุนที่ปรับลดลง สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ยขาลง อีกทั้งมีรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 16.9% จากการฟื้นตัวของ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย เป็นไปตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้น
รวมถึง รายได้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัว 11.4% จากการออกกองทุนรวม ใหม่ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาส นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นตามมูลค่าพอร์ตเงินลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ชะลอตัวลงตาม ปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ลดลง ในงวดนี้ บริษัทตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางในขณะที่ยังคงควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.3%
ขณะที่ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 86.71 ล้านบาท หรือ 5.3% จากรายได้รวมที่ เติบโต 10.0% จากทุกธุรกิจ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3.0% จากต้นทุนเงินทุนที่ปรับลดลง สอดคล้องกับภาวะ ดอกเบี้ยดอกเบี้ยขาลง รายได้ค่าธรรมเนียมกลับมาเติบโต ทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์โดยมีค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัย ขยายตัวต่อเนื่อง ตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้ง ภาวะตลาดทุนฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนเติบโตได้ดีนอกจากนี้ บริษัทรับรู้ กำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ด้านค่าใช้จ่ายใน การดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.4% และค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงจาก ปัจจัยทางเศรษฐกิจรอบด้าน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 68 มีกำไรสุทธิ 5,017.12 ล้านบาท ลดลง 182.35 ล้านบาท หรือ 3.5% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 สาเหตุมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่ คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.0% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ตามแผนการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติและรองรับความเสี่ยง จากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 0.8% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของธนาคารแห่งประเทศไทยรวม 4 ครั้ง และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางใน โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัว 9.4% จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น 8.8% ตามการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัยและรายได้อื่นที่เกี่ยวกับสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 7.1% ตามสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่เติบโต อีกทั้ง ผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่าน กำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ชะลอตัว ตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่หดตัว ทั้งนี้ ในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง บริษัทยังคงควบคุม ค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ มีค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานลดลง 2.8%
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ภายหลัง TISCO รายงานกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 1.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ 1.) รายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อนหน้า จากสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 0.8% เมื่อเทียบจากต้นปีถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น NIM อยู่ที่ 4.88% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 4.73% จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง จากการ repricing fixed deposit
2.) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 26% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) จากการแปลงหนี้เป็นทุนหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ จาก Bancassurance และธุรกิจจัดการกองทุน ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารได้ดี NPL Ratio อยู่ที่ 2.31% ลดลงจากไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 2.41% จากการชาระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น
นอกจากนั้น ธนาคารมีการตั้งสารองพิเศษเพิ่ม เพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นจากภาวะความไม่แน่นอนในอนาคต ทาให้ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 171% จากไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 155% ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปี 68 คิดเป็น 78% ของกำไรสุทธิทั้งปีนี้ คาดที่ 6.43 พันลบ. ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ จะทบทวนประมาณการอีกครั้ง หลังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์บ่ายนี้ ขณะที่ปัจจุบันคงคำแนะนำ NEUTRAL อยู่ที่ 93 บาท โดยคงมอง TISCO เป็นหุ้นปันผล โดยมีปันผลเด่น dividend yield สูงสุงเป็นอันดับต้นของกลุ่มธนาคารทั้งปีคาดที่