
“ฐกฤต” มอง SET ไปต่อ! แนะสอย “KBANK-MTC-TOP” รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ มอง SET ไปต่อ! ชูหุ้นเด่น KBANK-MTC-TOP รับแรงหนุนเฉพาะตัวทั้งข่าว GULF เข้าถือหุ้น KBANK, พื้นฐานแข็งแรงของ MTC และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหนุน TOP สัปดาห์หน้า
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และนักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (16 ต.ค.68) แนวโน้มดัชนี SET Index มีทิศทางเชิงบวกโดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก ซึ่งหากพิจารณาจากดัชนี FTSE Thailand ETF ซึ่งซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ พบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา 15 ตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้นราว 1.5% สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะช่วยนำทิศทางตลาดในประเทศวันนี้ให้เคลื่อนไหวในแดนบวก สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ กลุ่มหุ้นหลักที่คาดว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญของตลาดยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อวานนี้ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA และ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนยังจับตาผลประกาศงบไตรมาส 3 ปี 2568 ของ TSMC ในไต้หวัน ซึ่งอาจส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวม อีกทั้งก่อนหน้านี้ ผลประกอบการของ ASML ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ เนเธอร์แลนด์ ประกาศงบไตรมาสล่าสุดออกมาดี
ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่เป็นแรงหนุน คือ สัญญาณเชิงบวกประเด็นความคืบหน้าในกระบวนการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งทำให้ตลาดเกิดความคาดหวังว่า เสถียรภาพทางการเมืองในช่วง 8-12 เดือนข้างหน้า จะปรับตัวดีขึ้น และมีโอกาสนำไปสู่การ เลือกตั้งภายในราว 4 เดือนข้างหน้า
สำหรับทิศทางหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นนั้นฝ่ายนักวิเคราะห์มอง 3 ปัจจัยที่สนับสนุนในช่วงนี้ ได้แก่ 1.) ทิศทางดอกเบี้ยที่ยังทรงตัว เนื่องจาก คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมล่าสุด ส่งผลให้ตลาดมองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยอาจยังไม่ลดลงในระยะสั้น ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร
2.) คาดหวังจากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 หลังจากที่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ อาจมีแนวโน้มรายงานผลการดำเนินงานดี
3.) กระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าพื้นฐานน่าสนใจ (Value Stocks) โดยพบว่า เงินทุนต่างชาติไหลเข้าหลักเพียง 2 ตลาดในเอเชีย คือ เกาหลีใต้และไทย
ส่วนวานนี้ ยังมีข่าวรายงานของ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้มาของหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 68 จำนวน 5,399,600 หุ้น สัดส่วน 0.2278% ภายหลังจาก GULF เข้าซื้อหุ้น KBANK เพิ่มเข้ามา ส่งผลให้ถือหุ้นรวมทั้งหมด 119,149,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.0288% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท จากเดิมถือจำนวน 113,750,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.8009%
ในมุมมองฝ่ายนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าการเข้าซื้อหุ้น KBANK เพิ่มของ GULF เป็นสัญญาณเชิงจิตวิทยาเชิงบวก ต่อภาพรวมตลาด เพราะสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะ KBANK ซึ่งคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 จะยังคงแข็งแกร่ง ทั้งจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่อาจส่งผลบวกต่อฐานลูกค้า SME ของธนาคาร
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นเด่น 3 ตัว ได้แก่ KBANK ได้แรงหนุนจากข่าว GULF เข้าถือหุ้นเพิ่ม และแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2568 ที่คาดว่ายังคงแข็งแกร่ง
กลุ่มไฟแนนซ์ คือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC จากพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้ม Bond Yield ปรับลง พร้อมกับคาดอัตราดอกเบี้ยในประเทศลดลงปลายปี ให้ราคาเป้าหมาย 59 บาท
รวมไปถึง กลุ่มโรงกลั่น คือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 44 บาท สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์ว่าการประชุมเศรษฐกิจจีนในสัปดาห์หน้า 20-24 ตุลาคม 2568 อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการน้ำมันและธุรกิจโรงกลั่น