
CGSI ชี้นักลงทุนฮ่องกงยัง Underweight หุ้นไทย จับตาเลือกตั้ง-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี
CGSI มองนักลงทุนสถาบันในฮ่องกงยังถือหุ้นไทยต่ำกว่าพอร์ตมาตรฐาน แต่เริ่มมองหาโอกาสลงทุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมคาด ธปท. มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเหลือ 0.75% ในปี 2569 หนุนหุ้นบริโภคและท่องเที่ยว
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เปิดเผยผลการเดินทางพบปะนักลงทุนสถาบันในฮ่องกง ระหว่างวันที่ 15–17 ตุลาคม 2568 เพื่ออัพเดทมุมมองต่อตลาดทุนไทย โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีท่าทีระมัดระวังและคงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระดับต่ำกว่าพอร์ตมาตรฐาน (Underweight) อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความสนใจต่อโอกาสลงทุนใหม่ โดยเชื่อว่าความชัดเจนทางการเมืองไทยจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2–3 เดือนข้างหน้า หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะยุบสภาภายในเดือนมกราคม 2569 คาดจัดการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 29 มีนาคม 2569 และรัฐบาลใหม่จะเริ่มบริหารประเทศได้ภายในปลายเดือนพฤษภาคม 2569
CGSI ระบุว่า นักลงทุนฮ่องกงกำลังจับตาหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการ “คนละครึ่ง”, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และโครงการส่งเสริมการใช้จ่ายปลายปี โดยกลุ่มหุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการรัฐ ได้แก่ CPN ราคาเป้าหมาย 74.50 บาท (แนะนำ “ซื้อ”), CENTEL ราคาเป้าหมาย 31.00 บาท (แนะนำ “ถือ”), ERW ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท (แนะนำ “ซื้อ”), KTC ราคาเป้าหมาย 31.00 บาท (แนะนำ “ซื้อ”), MTC ราคาเป้าหมาย 54.00 บาท (แนะนำ “ซื้อ”), MOSHI ราคาเป้าหมาย 47.75 บาท (แนะนำ “ซื้อ”)
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ในการประชุมวันที่ 17 ธันวาคม 2568 และมีโอกาสลดเพิ่มเติมอีกสองครั้งภายในปี 2569 เหลือ 0.75% ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อตลาดทุนไทย โดยหุ้นที่คาดได้รับประโยชน์โดยตรงจากดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยอย่าง MTC และ KTC ขณะที่กลุ่มธนาคารอาจเผชิญแรงกดดันด้านมาร์จิน
นอกจากนี้ CGSI มองว่าหุ้นค้าปลีกอย่าง BJC (ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท) และ CPN จะได้อานิสงส์จากมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อสินค้า ขณะที่ระยะยาวยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของกลุ่มการแพทย์ โดยเลือก BDMS (ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท) และ PR9 (ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท) เป็นหุ้นเด่นประจำกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม CGSI ประเมินว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น แต่ปัจจัยบวกส่วนใหญ่ได้สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว จึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Selective Buy) เพื่อสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนี โดยมีความเสี่ยงด้านลบ (Downside Risk) จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจรุนแรงขึ้น หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเกิดความขัดแย้งทางชายแดนไทย–กัมพูชา CGSI คาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) สิ้นปี 2568 จะอยู่ที่ระดับ 1,155 จุด คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) 13.2 เท่า ในปี 2569 หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ -1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน