
บล.พาย มองบวก GFPT คุมต้นทุนเยี่ยม หนุนกำไร Q3 แตะ 600 ล้านบาท เคาะเป้า 13.40 บ.
บล.พาย ออกบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้น GFPT คาดกำไรไตรมาส 3/67 แตะ 676 ล้านบาท รับอานิสงส์บริหารต้นทุนดี ราคาวัตถุดิบลด หนุนมาร์จิ้นฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังยังสดใส เคาะราคาเป้าหมายที่ 13.40 บาท
บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2568 ของบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ได้รับผลดีจากต้นทุนที่ปรับตัวลดลงมาชดเชยกับผลกระทบของปัญหาการขาดแคลนแรงงานชาวกัมพูชาที่ทำให้การส่งออกลดลงรวมถึงราคาไก่ที่ลดลง โดยนักวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิที่ 676 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยรายได้คาดอยู่ที่ 4,734 ล้านบาท (ลดลง 6% เทียบกับปีก่อน, ลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า) ลดลงจากผลกระทบของการส่งออกที่เหลือเพียง 8,000 ตัน เทียบกับ 9,500 ในไตรมาส 3/2567 และ 8,500 ตัน ในไตรมาส 2/2568 ซึ่งเกิดจากผลกระทบของการขาดแคลนแรงงานกัมพูชา รวมกับราคาเนื้อไก่ในประเทศที่ลดลงเหลือเพียงประมาณ 39.3 บาท จากระดับ 43 บาท/กก. ในไตรมาส 3/2568
ขณะที่กำไรขั้นต้นคาดที่ 19.5% ดีขึ้นจาก 15.5% ในไตรมาส 3/2567 และ 16.7% ในไตรมาส 2/2568 ได้รับปัจจัยบวกจากต้นทุนการเลี้ยงที่ยังคงเห็นการลดลงอย่าต่อเนื่องทั้งราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 355 ล้านบาท ( ลดลง 14% เทียบกับปีก่อน,เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) เทียบกับปีก่อนได้รับผลดีจากค่าขนส่งที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2568 เพราะมีค่าโอทีพนักงานเพิ่มเข้ามา
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมคาดลดลงเหลือ 123 ล้านบาท (ลดลง 40% เทียบกับปีก่อน,ลดลง 388 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) ลดลงมากจาก GFN ที่ได้รับผลกระทบจากราคาโครงไก่ปรับตัวลดลงเหลือ 11.5 บาท/กก. จากระดับ 14.5 บาท/กก. ในไตรมาส 3/2567 และไตรมาส 2/2568 รวมถึงผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานกัมพูชาที่ GFN มีสัดส่วนแรงงานดังกล่าวกว่า 50%
ภาพรวมช่วงไตรมาส 4/2568 ปัจจัยบวกคือแนวโน้มการส่งออกที่คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/2568 หลังจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามแรงกดดันยังคงอยู่ที่ราคาเนื้อไก่ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 40 บาท/กก. รวมถึงราคาข้าวโพดที่เริ่มเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้กำไรขั้นต้นอ่อนตัวจากไตรมาส 3/2568 ลง อย่างไรก็ตามหาก เทียบกับไตรมาส 4/2567 คาดยังเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
หากผลประกอบการออกมาตามคาด คาดว่ากำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 จะอยู่ที่ 1,957 ล้านบาท สูงกว่ากำไรทั้งปีที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้เดิมที่ 1,797 ล้านบาท ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้นอีก 29% มาอยู่ที่ 2,567 ล้านบาท พร้อมปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 17.1% จากเดิม 13.1%
สำหรับปี 2569 บล.พาย ยังคงประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 1,841 ล้านบาท เนื่องจากต้องรอติดตามแนวโน้มราคาสินค้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่มีแนวโน้มออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 13.40 บาท อิงค่า PER ปี 2569 ที่ระดับ 9.1 เท่า

