MINT จ่อเอาผิด Al Samrya คู่สัญญาในกาตาร์ เบี้ยวจ่ายค่าเสียหายกว่า 700 ล้านบาท

MINT เผยชนะคดีอนุญาโตตุลาการกับ Al Samrya Hospitality ศูนย์ SIAC มีคำชี้ขาดให้จ่ายกว่า 706 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี แต่คู่สัญญายังไม่ชำระ บริษัทเตรียมดำเนินคดีในกาตาร์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ผู้ถือหุ้น


บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 บริษัท ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป จำกัด และ MHG IP Holding (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นร้อยละ 100 ของ MINT ได้รับคำชี้ขาดจากศูนย์อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสิงคโปร์ (SIAC) ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับบริษัท Al Samrya Hospitality & Services Co. W.L.L. (Al Samrya) เกี่ยวกับสัญญาบริหารโรงแรมและสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับโรงแรมภายใต้แบรนด์ของ MINT ที่ตั้งอยู่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

คณะอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้ Al Samrya ชำระเงินให้แก่บริษัทย่อยของ MINT รวมมูลค่า 21,719,543 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 706 ล้านบาท พร้อมเงินจำนวน 45,069 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระและค่าเสียหาย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทอีกกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 98 ล้านบาท โดยให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปีแบบทบต้นจนกว่าจะชำระครบถ้วน ทั้งนี้ คณะอนุญาโตตุลาการได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องโต้แย้งทั้งหมดของ Al Samrya และคำชี้ขาดดังกล่าวถือเป็นที่สุดไม่สามารถอุทธรณ์ได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังคำชี้ขาด Al Samrya ยังมิได้ชำระเงินตามกำหนดเวลา บริษัทย่อยของ MINT จึงได้ดำเนินการทางกฎหมายในประเทศกาตาร์ เพื่อบังคับใช้คำชี้ขาดของ SIAC ผ่านศาลในประเทศกาตาร์ รวมทั้งเริ่มต้นกระบวนการทางอาญา เนื่องจากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดและอาจมีการโอนหรือซ่อนเร้นทรัพย์สิน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาการดำเนินการเรียกร้องสิทธิในเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ที่ Al Samrya หรือผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวมีทรัพย์สินอยู่

ทั้งนี้ MINT ยืนยันมีความมั่นใจในระบบกฎหมายของประเทศกาตาร์ในการดำเนินการเรียกร้องให้ได้รับชำระเงินครบถ้วน และจะรายงานความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญให้ผู้ถือหุ้นทราบตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามข้อผูกพันของบริษัทภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของไทย และไม่ได้ถือเป็นการสละสิทธิ์ในการรักษาความลับ เว้นแต่ในส่วนที่จำเป็นตามข้อกำหนดของกฎหมาย

Back to top button