
PTTGC โชว์ไตรมาส 3 “อีบิทด้า” โต 16% แตะ 5.54 พันลบ. โบรกชี้ Q4 ฟื้น เคาะซื้อ เป้า 27 บ.
PTTGC รายงาน EBITDA ไตรมาส 3/68 โต 16% แตะ 5.54 พันล้านบาท ฝ่ายวิเคราะห์คาด Q4/68 ผลการดำเนินงานฟื้นตัว หนุนโดยค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิลดลง ดังนี้

สำหรับ PTTGC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 126,836 ล้านบาท และบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 2,915.38 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 84.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 19,312.14 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 5,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 4,755 ล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท
นอกจากนี้รายได้อื่นในไตรมาส 3/2568 ปรับเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทได้รับกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นหลังจากโรงงานกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตภายหลังการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถลดแรงกดดันจากรายการพิเศษ โดยมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) สุทธิเพียง 109 ล้านบาท และมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 192 ล้านบาท
บล.บัวหลวง ระบุว่า บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 2,915 ล้านบาท ขาดทุนลดลงทั้งจากงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน และขาดทุนหลักที่ 3,492 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่ขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อน ผลขาดทุนสุทธิมากกว่าที่เราและตลาดคาด เนื่องจากผลขาดทุนพิเศษสูงกว่าคาด
ผลการดำเนินงานหลักที่ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เป็นผลจาก กำไรจากธุรกิจโอเลฟินส์ที่ลดลง และกำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ลดลง ในขณะที่ปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานหลักให้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ได้แก่ กำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้น และ กำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 4/68 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน หนุนโดยค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น แต่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่ลดลง (มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและโรงงานอะโรเมติกส์ตามแผน)
โดยคิดว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนแนวโน้มชะลอตัวในระยะสั้นไปแล้ว เราจึงมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อรับการฟื้นตัวในปีหน้า เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท

