ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก “ณพ-กอแก้ว” 2 ปีไม่รอลงอาญา ฐานร่วมใช้เอกสารปลอมโอนหุ้น WEH

ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก "คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา-นายณพ ณรงค์เดช" คนละ 2 ปี คดีใช้เอกสารที่มีการปลอมลายเซ็นต์ นายเกษม ณรงค์เดช โอนหุ้น WEH โดยศาลให้ประกันวงเงินประกันตัวคนละ 1 แสนบาท ขณะที่นายณพ ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเดินหน้าคดีในชั้นฏีกาต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย. 68) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 807 ศาลอุทธรณ์ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีดำ อ.2497/2561 ที่นายเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ ฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา, นายณพ ณรงค์เดช และนายสุรัตน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม

คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทโกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จัดตั้งถูกกฎหมายฮ่องกง และโจทก์ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวจำนวน 459,103,350 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.99 ซึ่งบริษัทโกลเด้นมิวสิค ลิมิเต็ด ถือหุ้นอยู่ในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ระหว่างวันที่ 25 เม.ย.59-26 มิ.ย.61 จำเลยทั้ง 3 ได้สมคบคิดร่วมกันกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยจำเลยทั้ง 3 ทราบดีอยู่แล้วว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม

จากนั้นเมื่อวันที่ 14 พ.ค.61 โจทก์ได้รับหนังสือจากที่ปรึกษากฎหมายว่าศาลฮ่องกงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้บริษัทโกลเด้นมิวสิคโอนหุ้นที่ถืออยู่ใน WEH จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หากโจทก์ทำการฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษและรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

โจทก์จึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังกรรมการบริษัทโกลเด้น มิวสิค ว่าโจทก์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลฮ่องกงและขอเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งเจตนารมณ์ของโจทก์เพื่อให้ได้รับทราบเพื่อความชัดเจน

ต่อมาทราบว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค.61 ได้มีการแต่งตั้งจำเลยที่ 3 เข้ามาเป็นกรรมการเพียงคนเดียวของบริษัท โกลเด้น มิวสิค โดยไม่มีการแจ้งให้โจทก์รับทราบมาก่อน

จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวและพฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 เป็นพฤติการณ์ที่ไม่ปกติ และมีเจตนาขัดขวางไม่ให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นตามที่โจทก์ร้องขอ ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย.61 บริษัท พรีเมียร์ ฟิดูเซียรี่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของบริษัทโกลเด้น มิวสิค ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์ว่า บริษัท พรีเมียร์ ฟิดูเซียรี่ ได้รับแจ้งจากกรรมการของบริษัทโกลเด้น มิวสิค เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 ว่า กรรมการของบริษัทได้มีมติโอนหุ้นของโจทก์จำนวน 459,109,350 หุ้นจากโจทก์ไปยังจำเลยที่ 1 และบริษัทโกลเด้น มิวสิค อนุมัติการโอนหุ้นดังกล่าวแล้ว

เมื่อโจทก์ได้รับแจ้งดังกล่าวจึงได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์มีหนังสือไปยังจำเลยที่ 3 เพื่อแจ้งว่าโจทก์ไม่เคยตกลงและดำเนินการให้สัญญาในการโอนหุ้นใดๆ ของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 การโอนหุ้นดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้รับความยินยอมใดๆ จากโจทก์

โดยในเอกสารสัญญาแต่งตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ลงวันที่ 25 เม.ย.59 มีข้อความที่ระบุไว้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนในการถือหุ้นในบริษัทโกลเด้นมิวสิค และจำเลยที่ 1 และโจทก์ตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโจทก์ได้เคยลงนามไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีพยานและเอกสารที่โจทก์ส่งมอบให้กับจำเลยที่ 1 โดยโจทก์อนุญาตยินยอมให้จำเลยที่ 1 เขียนข้อความที่จำเป็นในตราสารการโอนหุ้นและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อโอนหุ้น WEH หรือสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่

หลังจากที่โจทก์ได้รับแล้วก็ตรวจสอบเอกสารที่อ้างว่าเป็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ซึ่งจำเลยที่ 1 แต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 โจทก์พบว่าลายมือชื่อที่อ้างว่าเป็นลายมือชื่อของโจทก์ในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนนั้นเป็นลายมือชื่อปลอม โจทก์ไม่เคยทราบและไม่มีทางที่จะลงนามในสัญญาแต่งตั้งตัวแทน เพื่อรับเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด

จึงไม่มีเหตุผลใดที่โจทก์จะเข้ารับเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ไม่เคยลงนามในตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถือเป็นการสมคบคิดกันของจำเลย ให้มีการนำสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปใช้ในการดำเนินการให้มีการโอนหุ้นในบริษัทโกลเด้น มิวสิค อันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ไปให้กับจำเลยที่ 1

ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นเป็นเพียงกรรมการเพียงคนเดียวของบริษัทโกลเด้น มิวสิค และมีพฤติกรรมที่พยายามขัดขวางการใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทโกลเด้น มิวสิค ของโจทก์ ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 3 ที่โอนหุ้นของโจทก์ไปยังจำเลยที่ 1 จึงถือว่าจำเลยที่ 3 มีพฤติการณ์อันเป็นการสมรู้กับจำเลยที่ 1 ในการใช้เอกสารปลอม ซึ่งรวมถึงตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญในการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสิทธิปลอม

การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นการร่วมกันใช้สัญญาแต่งตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ ซึ่งเป็นเอกสารปลอม และร่วมกันใช้ตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่พร้อมเพื่อดำเนินการให้มีการโอนหุ้นของบริษัทโกลเด้น มิวสิค อันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ไปให้กับจำเลยที่ 1 โดยการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์

โจทก์ได้รับทราบสาเหตุที่จำเลยทั้ง 3 ได้สมคบคิดร่วมกันกระทำความผิดจากหนังสือของบริษัท ดีแอลเอ ไปป์เปอร์ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 61 คดีนี้เกิดขึ้นในฮ่องกง แต่เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 เป็นคนไทย และกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 (ก) (2) ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2561 โดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า หนังสือแต่งตั้งตัวแทนตราสารการโอนหุ้นบริษัทโกลเด้น มิวสิค และหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทโกลเด้น มิวสิค รวม 3 ฉบับเป็นเอกสารปลอม เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยดังกล่าวการใช้เอกสารทั้ง 3 ฉบับย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่า เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม กรณีต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยทั้ง 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรค 2 พิพากษายกฟ้อง

โดยวันนี้จำเลยมาศาล ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (เดิม), 83 จำคุกคนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น  โดยในส่วนของจำเลยที่ 3 พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่สามารถรับฟังได้ว่า ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 2 ใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้น WEH

ต่อมาจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกาโดยตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท

ขณะที่นายณพ ได้เปิดเผยกับ “มติชนออนไลน์” ว่า สำหรับในวันนี้ ที่ศาลมีคำตัดสินในส่วนคดีที่ศาลอาญา ส่วนตัวยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ก็พร้อมเดินหน้าเรื่องคดีความในชั้นฎีกาต่อไปตามที่หลักกฎหมายกำหนด พร้อมระบุถึงข้อเท็จจริงในคดีผิดสัญญา เรียกทรัพย์คืน พ.978/2565 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้) กรณี นายกฤษณ์ และ นายกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วมฟ้องนายณพ เป็นจำเลยที่ 1 บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เป็นจำเลยที่ 2 บริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด เป็นจำเลยที่ 3 และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา เป็นจำเลยที่ 4 ซึ่งศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง

ด้าน นายกรณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนเล็กของนายเกษมฯ เปิดเผยสั้นๆว่า “วันนี้ครอบครัวต้องกราบขอบพระคุณศาลที่เคารพและกระบวนการยุติธรรม ที่ได้มอบความเป็นธรรมให้กับคุณพ่อและครอบครัว สิ่งที่อยากทำที่สุดในตอนนี้คือกลับไปกราบเท้าคุณพ่อ คุณพ่อจะพูดเสมอว่าความจริงมีหนึ่งเดียว และวันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว”

Back to top button