THAI เปิดงบ Q3 กำไรเหลือ 4.41 พันล้านบาท หด 64% เซ่นขาดทุน FX – ตั้งด้อยค่าเครื่องบิน

THAI รายงานงบไตรมาส 3/68 กำไรเหลือ 4.41 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 1.25 หมื่นล้านบาท เหตุรายได้ค่าโดยสาร และค่าระวางขนส่งลดลง จากการแข่งขันด้านราคาและผลกระทบเงินบาทแข็งค่า รวมถึงขาดทุน FX และการตั้งด้อยค่าเครื่องบินที่ปลดระวาง


บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 /2568 และงวด 9 เดือนแรกของปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 ดังนี้

สำหรับ THAI รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,413.39 ล้านบาท ลดลง 64.63% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,479.52 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 44,398 ล้านบาท ลดลง 1,430 ล้านบาท หรือ 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจขนส่งทางอากาศ คิดเป็น 80.4% ของรายได้รวม อยู่ที่ 35,677 ล้านบาท ลดลง 3.8% แม้รายได้เฉลี่ยต่อผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น แต่รายได้เฉลี่ยต่อผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศลดลงจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง และผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 2.61 บาท ลดลง 7.8%

รายได้จากค่าระวางและไปรษณียภัณฑ์คิดเป็น 10% ของรายได้รวม อยู่ที่ 4,448 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากรายได้เฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลงเป็น 8.39 บาท (-11.2%) ตามการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และผลของเงินบาทที่แข็งค่าเช่นกัน

ด้านผลประกอบการจากบริษัทร่วม พลิกเป็นส่วนแบ่งขาดทุน 8 ล้านบาท จากปีก่อนที่รับรู้กำไร 3 ล้านบาท ขณะที่ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครดิตตามมาตรฐาน TFRS 9 อยู่ที่ 32 ล้านบาท จากการตั้งสำรองลูกหนี้เพิ่มขึ้น

บริษัทฯ ยังรับรู้ผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์ 82 ล้านบาท ซึ่งมาจากสัญญา Cross Currency Swap (CCS) ที่ใช้บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 379 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 60 ล้านบาท และขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้ว 439 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาทต่อดอลลาร์ ยูโร และเยน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 509 ล้านบาท จากการตั้งสำรองด้อยค่าของเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200ER จำนวน 2 ลำที่ปลดระวาง

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 26,369.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.54% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15,195.21 ล้านบาท

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (บริษัทฯ) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 โดยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 44,398 ล้านบาท ลดลง 1,430 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 45,828 ล้านบาท หรือ 3.1% โดยมีสาเหตุหลักจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และการแข็งค่าของเงินบาท โดยมีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.89 ล้านคน มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 76.1% ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 76.8% บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 35,841 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.2%

โดยหลักจากค่าน้ำมันเครื่องบินที่ลดลงตามราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ปรับตัวลง และการแข็งค่าของเงินบาท แม้ว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 8,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin) อยู่ที่ 19.3% บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 3,137 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,692 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 993 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,421 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไร 12,483 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นรายได้ 10,119 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ และกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ และมี EBITDA 12,408 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ มีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 78 ลำ สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 140,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 3.7%  มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 13.5 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เท่ากับ 52,954 ล้านที่นั่ง-กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.8% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เท่ากับ 41,870 ล้านคน-กิโลเมตรเพิ่มขึ้น 13.2% ส่งผลให้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.1% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 77.4% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวม 12.19 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.57 ล้านคน หรือคิดเป็น 4.9% บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 107,704 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.5% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 33,146 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 37.0% มีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 10,010 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นรายได้รวม 3,266 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 26,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 15,221 ล้านบาท และมี EBITDA 43,295 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 299,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 7,222 ล้านบาท หรือ 2.5% หนี้สินรวมจำนวน 227,753 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 19,166 ล้านบาท หรือ 7.8% ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 71,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 26,388 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด รวมสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 จำนวน 123,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,200 ล้านบาท จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567

Back to top button